รำลึกความโคตรแสบตำนานตัวตึง "ไม่สนปี่สนขลุ่ย" แห่งสมาคมบาสเกตบอลอาชีพ NBA อย่าง Dennis Rodman ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองได้ "สนุกกับชีวิตที่เกิดมา" โดยไม่คำนึงถึงใครจะเดือดร้อนแต่อย่างใด และช่วงยุคปี 1997 นั่นเองที่ทำให้เขาได้โอกาสเข้ามาวาดลวดลายให้กับสมาคมมวยปล้ำ WCW ที่ถือว่าคู่แข่งสมาคมกีฬามวยปล้ำอาชีพตัวฉกาจเบียดด้านเรตติ้งกับ WWF นั่นเอง
ช่วงปีดังกล่าวนั้น เขาเป็นนักกีฬาระดับมหาชนไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยการเป็นแชมป์ NBA 3 สมัย ให้กับทีม Detroid Pistons และ Chicago Bulls และเป็น 1 ในสุดยอดตัวรีบาวน์ในประวัติศาสตร์ NBA แต่คนส่วนใหญ่ทั้งแฟนบาสเกตบอลและคนทั่วไปจดจำเขาได้ในฐานะคนสร้างสีสันให้กับวงการยัดห่วงด้วยคาแรคเตอร์ที่ทั้งเกรียนและซ่าไม่ยอมใคร ทรงผมสีฉูดฉาดเปลี่ยนไปทุกๆครั้งที่เจอ สไตล์การแต่งตัวดั่ง rockstar และการปาร์ตี้ลืมโลกไม่คิดหน้าคิดหลัง เขาเองยังมี nickname สุดเท่อย่าง “The Worm” ตัวหนอนผู้สร้างสีสันให้กับวงการบาสเกตบอล
ปี 1990’s เป็นช่วงที่การแข่งขันแย่งเรตติ้งระหว่างสองสมาคมมวยปล้ำอาชีพนั้นเป็นไปอย่างดุเดือนเลือดสาด ซึ่งถึงแม้ว่า WWF กำลังสร้างฐานลูกค้าที่เข้าถึงทุกเพศทุกวัยมากขึ้นตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น คนทำงาน คนแก่ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย และมีซุปเปอร์สตาร์กำลังแจ้งเกิดหลากหลายคนอย่าง The Rock, Stone Cold หรือแม้กระทั่ง The Generation X, Kane, Undertaker ก็ตาม แต่ผู้ชมทั้งโลกส่วนใหญ่เทใจและพร้อมจ่ายเงินให้กับเสื้อ nWo ทำสัญญาณนิ้ว “4 life” ให้กับแก๊งขบถ nWo มากกว่า
ถึงแม้ว่าตามบทที่วางไว้โดย WCW นั้นต้องการให้ nWo เป็นฝ่ายอธรรมสุดโกงที่สมควรโดนเกลียดเข้าไส้และต้องการฮีโร่ออกมาจัดการให้ได้ แต่ไปๆมาๆ ด้วยความ real หรือการเป็นตัวตึงแต่โคตรเท่และเกลียดไม่ลง ทำให้คนทั้งโลกหันมาติดตามและยอมเป็นแฟนติดตามฝ่ายตัวโกงกันซะอย่างงั้น!
ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะที่ดีมากๆ ในสมัยที่มวยปล้ำอาชีพเริ่มได้รับการยอมรับจากคนทั่วไป และมีหลายรายการชั้นนำในอเมริกาพร้อมที่จะ collab ไม่ว่าจะเป็น “The Tonight Show” และ “Saturday Night Live” ที่นำนักมวยปล้ำจาก nWo มาออกรายการ ถือว่าเป็นวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่ร้างกาจมากโดยผู้บริหาร WCW สร้างเรตติ้งและการรับรู้อย่างเป็นวงกว้างให้กับ WCW (มีถึงขนาด Robocop ออกมาช่วย Sting นักมวยปล้ำแมงป่องขวัญใจแฟนๆ ที่ถูกขังในกรงเหล็ก โดย Robocop ถึงขนาดใช้มือเปล่ากระชากประตูกรงเหล็กหลุดออกมาอย่างง่ายดายเลยทีเดียว เท่สุดๆเลย)
จาก documentary “The Last Dance” ของตำนานตลอดกาล Michael Jordan ได้มีการกล่าวถึงการใช้ชีวิตของ Dennis Rodman ว่า “ชีวิตที่สร้างความสุขมากที่สุดคือการไม่สนอะไรเลยแม้ว่าจะเกิดผลกระทบอะไรตามมาหลังจากนี้ก็ตาม” โดยเขาได้สิทธิ์ลาพักร้อน 48 ชั่วโมง ในช่วงครึ่งฤดูกาลของ NBA (แต่พี่แกเล่นบินออกจาก NBA Finals ไป WCW Monday Nitro โดยหายไปถึง 4 วัน!!! จน Michael Jordan ถึงขนาดต้องเป็นคนที่บินมากล่อมและรับตัวกลับไปแข่งรอบ final ด้วยตัวเขาเองเลยทีเดียว)
Rodman เดบิวใน WCW เดือนมีนาคม 1997 โดยไปเข้าร่วมกับแก็ง nWo ซึ่งคาแรคเตอร์ของเขาถือว่าเข้ากับกลุ่มคนโฉดนี้เป๊ะๆ โดยเขาไม่ได้แค่มาเข้าร่วมแค่โปรโมททางการตลาดอย่างเดียว แต่ Rodman ยอมที่จะออกทีวีและปล้ำจริงจังเลยทีเดียวตั้งแต่ช่วง 1997 ถึง 2000 โดยศึกแรกคือ Bash at the Beach 1997 ที่เขาทีมอัพกับ Hollywood Hogan เจอกับ The Giant และ Lex Luger
ช่วงเวลาแห่งความ(เกือบ)ซวยของทีม Chicago Bulls คือช่วงกลางปี 1998 ซึ่งเป็นช่วงที่ทีมอยู่ระหว่างล่าแชมป์สมัยที่ 6 อยู่นั้นก็มีข่าวคราวที่ทำให้แฟนๆกระทิงกังวลใจอยู่ไม่น้อยว่าทีมสุดเก่ง ณ ขณะนี้มีโอกาสที่จะทีมแตกจากหลากหลายปัจจัย แต่ Rodman ดันไปทำให้สถานการณ์ดูแย่เข้าไปอีก
คืนวันที่ 8 มิถุนายน 1998 Rodman ที่เพิ่งจะแข่งเกมที่ 3 ของ Finals กับทีม Utah Jazz และทีมกระทิงแห่งชิคาโก้ก็ตั้งความหวังว่าจะจัดการทีมคู่แข่ง 2 ปีซ้อนให้ได้ ซึ่ง Rodman เล่นดีสุดๆด้วยการทำ 6 รีบาวน์ใน 22 นาที จัดการ Utah ได้ 96-54 เก็บชัยชนะรวม 2-1 เกมนั้น…
เขาก็หนีจากการฝึกซ้อมไปดื้อๆ บินไปศึก WCW Monday Nitro ที่รัฐมิชิแกน Hulk Hogan กล่าวว่า Phil Jackson เฮดโค้ชทีม Chicago Bulls โทรหาถึงเขาสายแทบไหม้ แต่ Rodman ก็ตอบง่ายๆว่า “ผมไม่อยากกลับไปนี่หว่า”
ในคืนนั้นจบลงด้วยการที่ Rodman คว้าเก้าอี้เหล็กไปฟาดใส่หลังของ Diamond Dallas Page และเป็นการต่อยอดศึกแท็กทีมที่จะเกิดขึ้นต่อไปในเดือนกรกฎาคมศึก Bash at the Beach
ที่ฮากว่านั้นคือแมทช์แท็กทีมที่จะเจอกับ DDP นั้นเจ้าพ่อท่าไม้ตาย Diamond Cutter กลับเลือกคู่หู Karl Malone นักบาสชื่อดังทีม Utah Jazz มาเป็นคู่หู ทีมที่อยู่ระหว่างห้ำหั่นกับ Chicago Bulls นั่นเอง….
หลังจากศึก WCW เขากลับมาเข้าร่วมทีมเพื่อเล่น Game 4 ต่อ และกลับเป็นเกมที่เขาเล่นได้อย่างดีที่สุดในปี โดย Bull ชนะ 86-82 เก็บชัยชนะรวม 3-1 series โดย Rodman เล่นไป 29 นาที ทำได้ 14 รีบาวน์
ซึ่งท้ายสุดทีมก็เป็นแชมป์ในปีนั้น โดยระหว่างฉลองชัยชนะ Rodman ก็แอบมี tie-in เอาเสื้อ nWo มาวางไว้ที่ตักอีกด้วย
หนึ่งเดือนต่อมา Rodman กับ Hogan ก็เก็บชัยชนะเหนือ Malone และ DDP ศึก Bash at the Beach ที่สามารถทำยอด pay-per-view ได้สูงสุดในปี
ในอาชีพนักมวยปล้ำ Rodman ปล้ำรวมทั้งหมด 4 แมทช์ โดย 2 แมทช์แรกตามที่กล่าวก่อนหน้านี้ และอีก 2 แมทช์ที่เหลือเป็นการเจอกับ Randy Savage ปี 1999 ศึก WCW Road Wild และอีกครั้งในปี 2000 ในสมาคมเล็กๆในประเทศออสเตรเลียเจอกับ Curt “Mr. Perfect” Hennig
เขาเลิกปล้ำมวยไปจนกระทั่งได้มีการปล้ำใน reality show ของ Hulk Hogan ชื่อ “Hulk Hogan’s Celebrity Championship Wrestling” ในปี 2008
แน่นอนว่า Dennis Rodman ไม่ใช่นักมวยปล้ำที่เก่งกาจอะไร เทคนิคก็ไม่ได้ดี แต่สิ่งที่เขามีคือ เขาเป็นคนที่มีความเป็นเอนเตอร์เทนสูง มีคาแรคเตอร์ที่น่าติดตามไม่ว่าจะในเรื่องดีหรือไม่ดีก็ตาม
ในขณะที่นักกีฬาหรือนักแสดงหลายๆคนต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในวงการมวยปล้ำก็ต่อเมื่อชื่อเสียงพวกเขากำลังอยู่ในช่วงขาลงเพื่อหาพื้นที่โปรโมทตัวเอง แต่ Rodman กลับเป็นคนที่เข้ามาในวงการมวยปล้ำในขณะที่เขามีชื่อเสียงโด่งดังสูงสุดจากการคว้าแชมป์ NBA กับ Chicago Bulls