“The Smashing Machine” Mark Kerr จากยิ่งใหญ่คืนสู่สามัญ


Mark Kerr อดีตแชมป์นักมวยปล้ำมหาวิทยาลัย และ ปัจจุบันแขวนนวมจาก MMA เรียบร้อยแล้ว เขาเคยเป็นแชมป์ทัวนาเมนท์สุดโหด World Vale Tudo Championship, เป็นแชมป์ทัวนาเมนท์ UFC 2 สมัย และเป็นนักสู้จากสมาคม MMA ที่อดีตเคยยิ่งใหญ่แต่ถูกขายให้กับ UFC แล้วอย่าง PRIDE FC

ในปี 2003 Kerr มีหนังชีวประวัติโดย HBO เรื่อง “The Smashing Machine: The Life and Times of Extreme Fighter” ซึ่งโฟกัสเรื่องการติดฝิ่นของเขา, ความสัมพันธ์กับแฟน, เพื่อนๆ, และเพื่อนรักอย่าง Mark “The Hammer” Coleman

Kerr ตอนเด็กฝันว่าอยากเป็นนักมวยปล้ำใน WWF และเขาเองก็ชอบเล่นกับพี่น้องหลังบ้านอยู่เป็นประจำ โดยช่วงมัธยมปลาย เขาก็เริ่มเล่นมวยปล้ำสมัครเล่นอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาจนถึงในช่วงมหาวิทยาลัย และเขาเองก็เป็นถึงแชมป์ USA Senior Freestyle Champion ที่น้ำหนัก 220 ปอนด์ โดยขณะที่เทรนมวยปล้ำสมัครเล่นนั้น เขาก็เริ่มอยากลอง mixed martial arts เพื่อที่จะหาเงินดูบ้าง

ศึก World Vale Tudo Championship III ที่เขาเดบิว MMA เขาชนะ 3 ไฟรท์รวด หลังจากนั้นเขาก็ถูกเชิญให้มาสู้ใน UFC โดยก่อนหน้านั้นเพื่อนสนิทเขา Mark “The Hammer” Coleman ซึ่งเป็นแชมป์ทัวนาเมนท์ UFC เรียบร้อยแล้ว โดย Kerr ชนะ 4 ไฟท รวดในปี 1997 หลังจากนั้น Kerr เองก็ตัดสินใจไปสู้ใน Pride เนื่องจาก Pride เป็นสมาคมจากญี่ปุ่นที่กำลังมาแรงมาก และเงินรางวัลก็มากกว่าสมาคมเดิมที่เขาเคยสู้

สถิติจากสวยหรูถึงจุดสูงสุดของอาชีพนักสู้ MMA แต่กลับร่วงลงมาแบบไม่คาดคิดในเวลาต่อมา

Kerr มีสถิติที่สวยงามมาก คือ ชนะ 11 ไฟทรวด (มีเสมอ 1 จากการโดนเข่าใส่หัวโดย Igor Vovchanchyn ถือว่าเป็นโมฆะ) และเขาก็ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันทัวนาเมนท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ MMA ในขณะนั้นคือ Pride Grand Prix 2000 ซึ่งเขาอยู่คนละบล็อคกับเพื่อนสนิทอย่าง Mark “The Hammer” Coleman และหลายๆคน คาดว่าทั้งคู่จะได้โคจรพบกันในรอบชิงชนะเลิศ

อย่างไรก็ตามเขาแพ้แบบพลิกความคาดหมายให้กับซุปเปอร์สตาร์นักมวยปล้ำญี่ปุ่นลูกศิษย์ Antonio Inoki อย่าง Kazuyuki Fujita นักสู้ที่ในยุคนั้นถือว่าคางเหล็กมากและแทบไม่มีใครซัดเขาล้มได้ โดย Kerr หมดแรงแพ้คะแนนไปนั่นเอง995216_610862798975747_327998282_n
หลังจากนั้นสถิติเขาก็ย่ำแย่มาตลอด โดยจากหนัง documentary The Smashing Machine เปิดเผยว่าเขาอยู่ในช่วงพยายามหลุดจากการเสพติดฝิ่นอีกด้วย อันที่จริงแล้วเขาเกือบจะเสียชีวิตด้วยซ้ำไป จนมาถึง Pride 27 ปี 2004 Kerr ก็แพ้รวด 3 ไฟทให้กับ Igor Vovchanchyn  Heath Herring นักสู้หัวหลายสี (จริงๆ ก็น่าจะได้อยู่ใน UFC ณ เวลานั้น แต่ไม่รู้พี่แกโดนดองหายไปไหน) และที่น่าเศร้าที่สุดคือการแพ้ให้กับนักสู้เกรด B อย่าง Yoshihisa Yamamoto ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายมากนั่นคือเขาพุ่งเข้าไปเทคดาวน์ Yamamoto แต่หัวดันไปกระแทกพื้นเวทีอย่างแรงจน KO ตัวเอง

หลังจากนั้น Kerr ก็ออกไปสู้ศึกเล็กๆต่างๆ แต่ก็ถือว่าล้มเหลวมาตลอดโดย 10 ไฟทสุดท้ายชนะแค่ 2 ไฟทนอกนั้นแพ้หมด และครั้งสุดท้ายที่ Kerr สู้และทำให้เขาแขวนนวมถาวร นั่นคือตอนเจอกับ Muhammed “King Mo” Lawal ปี 2009 ศึก M-1 Global:Breakthrough ซึ่งเขาไม่อยู่ในสภาพนักสู้ร่างยักษ์เหมือนที่เราเคยเห็นมาก่อน เขาทั้งอ้วน เชื่องช้า ห้วเริ่มล้านอีกด้วย และเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าสงสารมาก (Kerr โดนน็อคฟันยางกระเด็นหมดสติคาพื้นเวที) ในยก 1 โดยใช้เวลาเพียงแค่ 25 วิเท่านั้น

ปัจจุบัน Kerr ได้บอกว่าเขาแขวนนวมไปแล้ว 99.99% หยุดสถิติที่ชนะ 15 แพ้ 11 และกำลังพยายามที่จะกลับไปเรียนใหม่ในสาขาเภสัช โดยเขาอยากที่จะเป็นเซลส์ขายยาต่อไป

ทั้งนี้ชีวิตของ Mark Kerr กำลังจะถูกเผยแพร่อีกครั้ง เมื่อ “The Rock” Dwayne Johnson เปิดเผยต่อสื่อเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2019 ว่าเขากำลังจะทำหนังที่เกี่ยวกับ Kerr ขึ้นมาอีกครั้ง โดย The Rock เองจะสวมบท Kerr อีกต่างหาก แฟนๆ MMA อย่างพวกเราก็จะมีโอกาสได้รับชมชีวประวัติของ Kerr อีกมุมมองหนึ่งในเวลาอันใกล้นี้ เราเองก็มารอติดตามชมกันนะครับ


Share this post

More articles

feedback is god!

For better contents to you.