“มวยปล้ำอาชีพ” ถือว่าเป็นกีฬาที่นักกีฬาหลายคนไฝ่ฝัน ด้วยเนื่องจากความชอบส่วนตัว หรืออาจจะเป็นเพราะเงินดีหากได้เข้าร่วมสมาคมมวยปล้ำอาชีพชื่อดังอย่าง WWE ซึ่งถือว่ามีชีวิตที่สดใสเลยทีเดียวหากดังเปรี้ยงขึ้นมาและไม่ทำตัวเหลวแหลกใช้เงินจนหมดไปซะก่อน
ทั้งนี้หลายๆคนยังมีทัศนคติติดลบกับอาชีพมวยปล้ำ โดยหลักๆจะคิดว่า “มวยปล้ำมันของปลอม ไม่ได้สู้กันจริง นักมวยปล้ำอาชีพสู้ในสถานการณ์จริงไม่ได้หรอก” ซึ่งก็ถือว่าเข้าใจได้เพราะธุรกิจมวยปล้ำคือธุรกิจที่เน้น “จำนวนการขึ้นปล้ำมากกว่าสู้ครั้งเดียว” ดังนั้นกีฬาประเภทนี้คือการเล่าเนื้อเรื่องให้คนดู สร้างดราม่าให้น่าติดตาม และต้องรักษาตัวเองให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเพื่อที่จะได้ออกมาปล้ำให้ผู้ชมดูในทุกอาทิตย์ ถ้าเราในฐานะคนดูเข้าใจในบริบทนี้เราก็จะลดความเห็นต่างกับธุรกิจที่พยายามจะนำเสนอ content สนุกๆให้เราติดตามลงได้
อย่างไรก็ตามหากเราเป็นทั้งแฟนมวยปล้ำและ MMA ที่ติดตามทั้ง 2 กีฬานี้มาหลายปี บางครั้งเราจะเห็นนักสู้ MMA ที่ถือว่าเป็นนักสู้ที่มีฝีมือจริงๆหันไปเอาดีด้าน sport entertainment อย่างสมาคม WWE โดยปัจจัยหลักคือนักสู้เหล่านั้นเดิมเป็นแฟนตัวยงของมวยปล้ำอาชีพอยู่แล้ว ในขณะที่บางคนซึ่งอายุอานามหรือสภาพร่างกายไม่สามารถแข่งขันใน MMA ได้อีกแล้วเลือกที่จะมาปล้ำอาชีพเพราะสามารถหาเลี้ยงชีพได้หลังแขวนนวมต่อไปนั่นเอง
10 นักสู้ MMA ที่เคยหรือยังคงเป็นนักมวยปล้ำให้กับสมาคม WWE นั้นมีใครกันบ้าง เรามาติดตามกันได้เลย!
บทความใกล้เคียง: สังเวียนมวยปล้ำอาชีพยังไม่ถึงใจ: 11 นักมวยปล้ำอาชีพจากสมาคม WWE ที่ crossover ไปสู้บนสังเวียนเลือดกีฬา MMA
Ken Shamrock
1 of 10
Ken Shamrock (สถิติชนะ 28 แพ้ 17 เสมอ 2) ผู้บุกเบิกท่าไม้ตาย “Ankle Lock” อันแสนเจ็บปวดใน WWF จนนักมวยปล้ำคนอื่นก็อบปี้ท่าไปใช้ต่อไม่ว่าจะเป็น Kurt Angle หรือ Jack Swagger
ฉายา “The World’s Most Dangerous Man – มนุษย์ที่อันตรายที่สุดในโลก” มีที่มาจากช่องโทรทัศน์ชื่อดัง ABC News เรียกเขาแบบนั้น จนฉายาติดมาด้วยใน UFC และ WWF โดย Ken ถือว่าเป็นผู้บุกเบิกวงการ MMA ในอเมริกาเลยทีเดียว ซึ่งแมทช์ที่เขาโด่งดังคือ UFC 1 ในปี 1993 ซึ่งเขาเป็นตัวเต็งที่จะได้แชมป์เพราะเขาเคยสู้ในสมาคม Pancrase ซึ่งถือว่าเป็น MMA ยุคแรกๆที่เกิดก่อน UFC และไม่มี script เหมือนมวยปล้ำ แต่แล้ว Ken ก็โดนเซอร์ไพรส์โดน Royce Gracie choke เขาด้วยกิโมโนตบยอมแพ้ไปอย่างงงๆเพราะตอนนั้นคนดูยังไม่รู้จักท่า submission ด้วยซ้ำไป
ต่อมาเขาก็สู้ทั้งสมาคม Pancrase และ UFC ได้เป็นถึงแชมป์ King of Pancrase ชนะคะแนน Manabu Yamada และแชมป์ UFC Superfight Championship ด้วยท่า guillotine choke ใส่จอม “triple suplex” อย่าง Dan “The Beast” Severn ก่อนจะมาเดบิวมวยปล้ำอาชีพที่ WWF ในปี 1997 ซึ่ง Ken อยู่กับ WWF จนถึงแค่ปี 1999 ได้แชมป์ Intercontinental และ Tag Team อย่างละ 1 ครั้ง ก่อนที่จะกลับไปสู้ MMA ต่อ ทั้งสมาคม UFC, Pride FC, Bellator และอื่นๆ ก่อนที่จะแขวนนวมในที่สุดในปี 2016
แมทช์ MMA ที่น่าจดจำของ Ken คือสู้กับ Royce Gracie 2 ครั้ง, ชนะ Bas Rutten 2 ครั้ง, ยืนแลกหมัดกับ Don Frye ใน Pride FC และแพ้อดีตแชมป์ UFC Light Heavyweight Tito Ortiz 3 ครั้งติด (ซึ่ง fight แรกที่สู้กับ Ortiz สร้างปรากฏการณ์ยอดคนดูสูงสุดในยุคนั้น)
Dan Severn
2 of 10
Dan “The Beast” Severn กับสถิติการต่อสู้ MMA ที่ยาวนานมากถึง 127 ไฟท์ (ชนะ 101 แพ้ 19 เสมอ 7) ตั้งแต่ปี 1994 เป็นนักสู้รุ่นบุกเบิกเช่นเดียวกับ Ken Shamrock และ Royce Gracie โดยเขาถูกจัดให้เป็นนักสู้สายมวยปล้ำคนแรกๆที่มีฝีมือฉกาจมากในยุคนั้น ระดับความเก่งคือเป็นถึงตัวสำรองทีมมวยปล้ำ U.S. Olympic Team และเป็นคนแรกและคนเดียวของ UFC ที่ได้เป็นแชมป์ Triple Crown จากการชนะไฟท์เดี่ยวและชนะ Tournament (สมัยก่อน UFC เริ่มต้นจากการสู้แบบหา Tournament ระบบแพ้คัดออกซึ่งผู้ที่ชนะเลิศต้องสู้ในคืนเดียวถึง 3 ครั้ง) ซึ่งคือการเป็นแชมป์ UFC Superfight Championship และแชมป์ Tournament ในปี 1995 ถึง 2 ครั้ง
Dan ถือว่าเป็นนักสู้ที่พิเศษมาก เพราะถึงแม้เขาจะเซ็นสัญญากับ WWF ในช่วงปี 1997-1999 แต่ลุงแกก็ยังสู้ MMA ในเวลาเดียวกันด้วย โดยใน WWF ซึ่งก็ไม่ได้รับบทเด่นดังอะไร แต่หลักๆคือถูกดึงมาเพื่อมาปะทะกับ Ken Shamrock เพราะทั้งคู่เคยสู้กันใน UFC มาก่อน และเรื่องราวสามารถขายได้ ทั้งนี้เหตุผลที่ Dan อยู่ UFC แค่ 2 ปีเพราะเขาขอยกเลิกสัญญาเองเนื่องจากไม่ชอบบทที่กำลังจะได้รับ โดยภายหลังเขาเปิดเผยว่า Vince จะให้ gimmick เขาโดยการเขียนเครื่องหมาย “666” ไว้บนหน้าผากดั่งอสูรที่ถูกผนึกเอาไว้และจะเข้าร่วมเป็นสัตว์ประหลาดในกลุ่มของ Undertaker ที่ชื่อ ” Ministry of Darkness”
จากประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวและชั่วโมงบินสูงปริ๊ด Dan Severn เข้าร่วมสมาคมมาเกือบหมดแล้วทั่วโลกตั้งแต่ MMA อาทิ UFC, Vale Tudo Japan, Extreme Challenge, Pride FC, Cage Rage,WEC, KOTC และอื่นๆอีกนับไม่ไหว ในขณะที่สมาคมมวยปล้ำได้แก่ WWF, NWA, Price of Glory เป็นต้น
Nathan Jones
3 of 10
ถ้าเป็นแฟน WWE ในอดีตช่วงปี 1997-2001 ต้องบอกเลยว่าแฟนๆ รู้จัก Nathan Jones ในนาม “ศิษย์เอก” ของ Undertaker ที่โผล่มาช่วย Undertaker ซึ่งกำลังโดนรุม 2 ต่อ 1 โดย A-Train และ Big Show ด้วยท่าสปินนิ่งคิ๊ก แต่เขาอยู่ใน WWE ได้ไม่นานเพราะทนต่อตารางการเดินทางปล้ำทั่วโลกไม่ไหว (แต่อีกปัจจัยหนึ่งอาจจะเป็นฝีมือการปล้ำที่แย่มากๆ ขุนไม่ขึ้นด้วยเช่นกัน)
ในขณะที่คนไทยระดับ mass จะรู้จักมนุษย์ร่างยักษ์คนนี้ที่มาพร้อมกับความสูง 2.15 เมตร หนัก 145 กิโลกรัม ในหนังสุดดังเรื่อง “ต้มยำกุ้ง” ในปี 2005 โดย Jones ปะทะกับพี่จา พนมหละครับ
แต่หากย้อนกลับไปดูชีวประวัติของแกนี่ถือว่าไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะตอนช่วงวัยรุ่นอายุ 20 ปี Jones ถูกศาลตัดสินจำคุก 16 ปี ในข้อหาปล้นจำนวนรวมถึง 8 ครั้ง และเป็นนักโทษที่ทางการ Australia ประเทศบ้านเกิดประกาศเป็น “Australia’s most wanted” หรืออาชญากรที่ต้องการจับกุมมากที่สุด ท้ายสุดเขาโดนจับขังคุกที่มีระบบการกักขังตัวที่มีความปลอดภัยแน่นหนาที่สุดรวมราว 5 ปี
ในขณะที่อยู่ในคุก Jones เริ่มเล่นกีฬายกน้ำหนัก และหลังจากถูกปล่อยตัวมาตอนอายุ 25 เขาก็ได้แชมป์ National Powerlifting Champion ของประเทศเลยทีเดียว
ภายหลังจากออกจากวงการมวยปล้ำ Jones มาเอาดีทางด้านการแสดงและได้รับบทบาทโดดเด่นมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Troy, ต้มยำกุ้ง, The Condemned, ส้มตำ, Conan the Barbarian, Mad Max: Fury Road เป็นต้น
ทั้งนี้ Nathan Jones เคยสู้ MMA 1 ครั้ง ในปี 1997 ก่อนที่จะไปปล้ำมวยปล้ำอาชีพกับ WWE โดยศึกที่เขาสู้คือ PRIDE FC 1 ประทะกับอดีตแชมป์ Sumo นาม Koji Kitao โดย Jones ซึ่งขาดประสบการณ์การต่อสู้จริงอย่างสิ้นเชิง tap ยอมแพ้ด้วยท่า Americana (American armlock) ทั้งๆที่ยังโดนไม่เต็มเลยด้วยซ้ำ
Shinsuke Nakamura
4 of 10
Nakamura นักมวยปล้ำชาวญี่ปุ่นฝีมือจัดจ้าน อดีตแชมป์ IWGP รุ่น heavyweight ของสมาคมมวยปล้ำ NJPW รวม 3 สมัย ด้วยสไตล์การปล้ำแบบดิบๆ ที่เรียกว่า “Strong Style” ซึ่งต้นแบบมาจากตำนานนักมวยปล้ำชาวญี่ปุ่น Antonio Inoki ซึ่งท่าโจมตีของ Nakamura ส่วนใหญ่จะเป็นการ striking ที่เน้นใช้เข่าและหมัด รวมถึงท่าไม้ตาย Kinshasa วิ่งเข้าไปถีบทั้งหน้าแข้งใส่หน้าคู่ต่อสู้อีกด้วย
ก่อนที่จะมาสังกัดในสมาคม WWE ในปี 2016 เขาเคยผ่านการต่อสู้แบบ MMA มาก่อน มีสถิติรวมชนะ 3 แพ้ 1 ซึ่งเป็นการชนะ submission กับคู่ต่อสู้ที่เป็นสาย kickboxing จาก K-1 และแพ้ armbar 1 ครั้งให้กับ Daniel Gracie ลูกหลานในตระกูลเกรซี่ชื่อดัง
Matt Riddle
5 of 10
นักมวยปล้ำหน้าใหม่ซึ่งกำลังมาแรงมากในปัจจุบัน Matt Riddle กับสไตล์การปล้ำ Greco-Roman wrestling แบบผสมผสานลูกบ้า สู้เท้าเปล่า ท่าโจมตีและซับมิชชิ่นชั้นยอด เขาเซ็นสัญญากับ WWE ในปี 2018 โดยผ่านเวทีเล็กในเครือ WWE อย่าง NXT คว้าแชมป์ tag team จนกระทั่งถูกดันขึ้น WWE ในปี 2020
ก่อนเข้าสู่วงการมวยปล้ำ Matt Riddle เคยผ่านการต่อสู้ MMA มีสถิติชนะ 8 แพ้ 3 เสมอ 2 (2 ไฟท์ที่เสมอโดนปรับให้เสมอเพราะดันโดนตรวจ positive กัญชา) ซึ่งเขาเคยเข้าร่วมรายการ TUF 7 (The Ultimate Fighter) ทีม Rampage อีกด้วย โดยถึงแม้ว่า Riddle จะแพ้ตกรอบตั้งแต่เนิ่นๆ แต่เขาได้รับโอกาสให้เข้ามาสู้ใน UFC อีกหลายไฟท์ ก่อนที่จะตัดสินใจหันเหไปเป็นนักมวยปล้ำอาชีพจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้น Matt Riddle ถือว่าเป็นนักสู้ MMA ที่เป็นของจริงคนหนึ่งที่สามารถสู้ระดับ UFC level มาได้ต่อเนื่องหลายไฟท์เลยทีเดียว
Matt Riddle เคยหาเรื่องวิจารณ์ BIll Goldberg ซุปเปอร์สตาร์ตำนานมวยปล้ำอาชีพ อย่างเสียหายว่าฝีมือไม่ถึงขั้น โดยเฉพาะแมทช์ที่ Goldberg ปล้ำได้ต่ำกว่ามาตรฐานอย่างมากกับ Undertaker ในศึกเอาใจแขกประเทศซาอุดิอาระเบีย WWE Super ShowDown ซึ่งทั้งคู่เคยเดินประจันหน้ากันและมีปากเสียงกันมาแล้ว
เขายังเคยดราม่าออกมาคุยโวขอปิดฉากอาชีพมวยปล้ำ Brock Lesnar ตั้งแต่ Matt ยังไม่เข้า WWE ด้วยซ้ำ จนกระทั่งศึก Royal Rumble ทั้งคู่เดินเจอกันหลังเวที Brock เดินเข้ามาจับไหล่ Matt Riddle แล้วบอกว่า “เด็กน้อย แกต้องหยุดเรียกชื่อข้าได้แล้ว เพราะเราจะไม่มีวันได้ทำงานร่วมกัน”
Jack Gallagher
6 of 10
“Gentleman” Jack Gallagher เป็น 1 ในนักมวยปล้ำรุ่น WWE Cruiserweight ที่ division ไม่ประสบความสำเร็จเลย (และถูกทอนความสำคัญออกไปจากรายการของ WWE ในที่สุด)
Gallagher มี character ที่ฮามาก เป็นการปล้ำสไตล์ผู้ดีอังกฤษ มีใการใช้ร่มตอนกระโดดทิ้งตัวใส่คู่ต่อสู้ (ทั้งๆที่ร่มมันไม่ได้ช่วยให้ลอยกลางอากาศได้แต่อย่างใด) หรือท่าเดินด้วยมือตอนโดน side headlock ก็ถือว่าฮาเลยทีเดียว
แต่เราอาจจะเซอร์ไพรส์มากเมื่อได้ยินว่า Gallagher มีประสบการณ์ Brazilian Jiu-jitsu ถึง 8 ปี รวมถึงเคยฝึกทั้ง boxing และ kickboxing อีกด้วย โดยสถิติ MMA ของ Gallagher ปัจจุบันเป็นแบบสมัครเล่นโดยมีสถิติชนะ 2 แพ้ 0
เขาโดน WWE ยกเลิกสัญญาเมื่อกลางปี 2020 เนื่องจากโดนข้อหากระทำชำเราอยู่หลายครั้ง
Marina Shafir, Shayna Baszler และ Jessamyn Duke
7-8-9 of 10
3 คนนี้ผมขอรวบไว้ที่นี่ที่เดียวเลยนะครับ
Marina Shafir (ชนะ 1 แพ้ 2) หลังจากชนะ MMA สมัครเล่น 4-0 พอเทรินโปรก็ชนะแค่ไฟท์แรกครั้งเดียว และแพ้รวด 2 ครั้งก่อนที่จะได้เข้ามาเป็นนักมวยปล้ำใน NXT
Shayna Baszler (ชนะ 15 แพ้ 11) Shayna ถือว่าเป็นนักสู้ MMA รุ่นบุกเบิกของฝั่งผู้หญิงยุคแรกๆเลยทีเดียว เคยเทรน catch wrestling ภายใต้ตำนานโค้ชอย่าง Billy Robinson และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับการรับรองเป็นอาจารย์สอนวิชา catch wrestler ในประเทศอเมริกา Shayna ยังเทรนศิลปะการต่อสู้แบบ Brazilian jiu-jitsu, มวยไทย และมวยสากลอีกด้วย
จากการชนะ 4 ไฟท์รวดทำให้เธอได้เป็นผู้ท้าชิงเข็มขัดกับ แชมป์ EliteXC Cris Cyborg ในปี 2008 ก่อนจะแพ้ TKO ในยก 2
การที่ Shayna ได้เข้าร่วม TUF 18 ภายใต้โค้ช Ronda Rousey ทำให้ทั้งคู่และสหาย Duke สนิทสนมกันเนื่องจากมีความชอบในมวยปล้ำอาชีพเหมือนกัน โดยหลังจากสู้ไฟท์ MMA ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2017 เธอก็ได้รับโอกาสเข้ามาปล้ำในสมาคม NXT และ WWE ในที่สุด
Jessamyn Duke (ชนะ 3 แพ้ 5) หลังจากชนะรวดใน Invicta FC เธอก็ได้เข้าร่วม TUF 18 ทีมเดียวกับ Shayna หลังจากนั้นก็แพ้รวดใน UFC และ Invicta FC ก่อนที่ติดตามกับเพื่อนซี้เข้าร่วม WWE ในที่สุด
Ronda Rousey
10 of 10
Ronda Rousey (สถิติชนะ 12 แพ้ 2) อดีตนักกีฬายูโดสายดำ 6 ดั้ง เทรนภายใต้ตำนานนักยูโด Gene LeBell (ติดตามเพิ่มเติม: Gene Lebell ตำนานยูโดเดินได้จากอเมริกา) โดย Ronda ยังเป็นนักกีฬาหญิงคนแรกของประเทศอเมริกาที่ได้เหรียญโอลิมปิคกีฬายูโด
Ronda เคยถูกขนานนามว่าเป็นนักสู้ที่เก่งที่สุดในโลกช่วงหนี่ง ชนะรวด 12 ไฟท์ ได้แชมป์ Strikeforce ก่อนที่สมาคมจะถูกซื้อโดย UFC และป้องกันเข็มขัด UFC จนได้เป็นแชมป์ UFC
หลังจากแพ้ 2 ไฟท์ล่าสุดทำให้ Ronda สูญเสียความมั่นใจและกึ่งแขวนนวมไปในที่สุด โดยช่วงปี 2018-2019 เธอเดบิวใน WWE และคว้าเข็มขัดแชมป์โลกหญิงมาได้ ปัจจุบัน Ronda ยังคงพักผ่อนไม่ได้ปล้ำมวยปล้ำแต่อย่างใด แต่คาดว่าอนาคตคงกลับมาปล้ำต่อแน่นอน
Ronda เองยังแสดงหนังไปหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น The Expendables 3, Furious 7, Mile 22 เป็นต้น
Cain Velasquez
EXTRA
Cain Velasquez (สถิติชนะ 14 แพ้ 3) อดีตแชมป์ UFC รุ่น heavyweight ที่ปะมือคู่ต่อสู้สุดเก่งหลายต่อหลายคนใน UFC และเป็นคนกระชากเข็มขัดแชมป์มาจาก Brock Lesnar แบบอัดอยู่ฝ่ายเดียวเมื่อปี 2010
แต่อาจจะเป็นที่โชคชะตาเล่นตลก Cain เป็นนักสู้ที่เจ็บบ่อยมากซึ่งหนึ่งในปัจจัยคือทีม AKA (American Kickboxing Academy) ได้รับการกล่าวขานว่าตอนซ้อมนี่จัดกันจริง เจ็บกันจริง จึงเป็นเหตุที่ Cain บาดเจ็บและหยุดพักยาว โดยครั้งที่นานที่สุดขณะเป็นแชมป์คือพักถึง 2 ปี กลับมาป้องกันเข็มขัดแชมป์ไม่ได้ โดน Fabricio Werdum กิโยติน choke ไป และก็เจ็บไปอีก 3 ปี กลับมาโดนนักสู้ที่หมัดหนักที่สุดใน UFC อย่าง Fracis Ngannou ต่อยน็อคในยก 1 ใช้เวลาเพียง 26 วินาที และปลายปี 2019 เขาก็ประกาศแขวนนวมอย่างเป็นทางการ
เขาเริ่มมาลองฝึกมวยปล้ำอาชีพกับสมาคม Lucha Libre AAA Worldwide และมาเดบิวใน WWE ปี 2019 โดยเข้ามาเปิดศึกกับ Brock Lesnar ที่เขาโค่นใน UFC นั่นเอง โดยเขาได้ชิงเข็มขัดกับ Brock ศึก Crown Jewel แต่กลับพ่ายแพ้ไปด้วย kimura submission และโดนจัด F-5 ใส่เก้าอี้เหล็กอีกด้วย
Cain เกือบจะได้ปล้ำใน Royal Rumble 2020 แต่เจ้าตัวก็บาดเจ็บไปอีก พอ COVID-19 เข้ามาโจมตีธุรกิจทั้งโลกรวมถึง WWE ทางสมาคมเลยตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดนักมวยปล้ำออกจากสังกัด และ Cain ก็เป็นหนึ่งในนั้น หรืออาจจะมีอีกเหตุผลหนึ่งคือ Vince Mcmahon ไม่ปลื้ม Cain เพราะรูปร่างดูไม่สมส่วนไม่กล้ามใหญ่ในแบบฉบับนักมวยปล้ำอาชีพควรจะเป็น…..
