จากคนจรจัดสู่แชมป์โลกชาวแอฟริกันรุ่น Heavyweight คนแรกของ UFC….เรื่องราวดั่งนิยายของนักสู้ชาวแคเมอรูน Francis Ngannou


UFC 260 ที่ผ่านมา นักสู้ชาวแคเมอรูน Francis Ngannou สามารถล้างแค้นจากที่เคยแพ้คะแนนแบบสู้ผิดฟอร์มให้กับแชมป์ Stipe Miocic มาเป็นฝ่ายไล่ยำ Stipe มาจบที่ซัดฮุคขวาใส่กรามแชมป์เข้าอย่างแรงจนร่วงลงพื้นในขณะที่ขาซ้ายยังพับและรับแรงกระแทกเต็มๆ เป็นภาพที่ดูแล้วน่าหวาดเสียวและน่ากลัวแทนแชมป์อย่างมากในการโดนอัดน่วมแทบหมดสภาพ

Francis Ngannou ตามปิดฉากด้วยการเหวี่ยงหมัดทุบเข้าไปเต็มหน้าจนกรรมการรีบเข้ามายุติการแข่งขันในยกที่ 2 ใช้เวลาเพียง 52 วินาที ได้แชมป์โลกรุ่น HW คนใหม่และเป็นคนแรกที่เป็นชาวแอฟริกันของ UFC

เรื่องราวชีวิตของ Francis Ngannou ได้ถูกเปิดเผยจากการให้สัมภาษณ์โดยสำนักข่าวต่างๆ ก่อนศึก UFC 260 ซึ่งทำให้เราผู้อ่านถึงกับอึ้งกับชีวิตอันแสนมืดหม่นเต็มไปด้วยความยากลำบากของคนๆหนึ่งที่มีความฝันที่จะเป็นนักมวยอาชีพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเหมือนกับไอดอลของเขา Mike Tyson การละทิ้งชีวิตยากจนข้นแค้นที่บ้านเกิดแคเมอรูน ติดคุกที่ประเทศสเปนข้อหาเข้าประเทศแบบผิดกฏหมาย และกลายเป็นคนไร้บ้านไร้ที่อยู่อดมื้อกินมื้อหาเศษอาหารตามขยะเพื่อประทังชีวิตในประเทศฝรั่งเศษ จนกระทั่งเจอกัลยาณมิตรที่ดีและความอุตสาหะฝ่าฟันว่าวันหนึ่งจะประสบความสำเร็จในอาชีพการต่อสู้

ผมเกลียดสถานที่ๆผมเกิดขึ้นมา ผมเกลียดเหมืองทราย… ทุกๆอย่าง ผมเกลียดชีวิตตัวเอง…… บางครั้งผมต้องนั่งโต้เถียงตามลำพังกับหนูที่อยู่ในดงขยะ…. มันเจ็บปวดมากทุกครั้งที่ผมนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยเป็น…

Ngannou เกิดในปี 1986 ที่เมือง Batie ประเทศแคเมอรูน โดยเขาถูกเลี้ยงและเติบโตขึ้นมาจากคุณแม่เพียงคนเดียว เนื่องจากพ่อของเขาเป็นพวกชอบใช้กำลังทุบตีทั้งตัวเขาและแม่ของเขา Ngannou ยอมรับว่าอดีตในวัยเด็กของเขาไม่ได้น่าจดจำและเต็มไปด้วยความทุกข์

ประเทศแคเมอรูนและการขุดเหมืองทรายเพื่อหาเงินประทังชีวิตครอบครัว

ผมมาจากเมืองเล็กๆในประเทศแคเมอรูน ทุกคนที่อยู่ที่นั่นอยู่กันอย่างไร้ความหวัง เมืองเราไม่มีอะไร ถูกลืมโดยสิ้นเชิง เราไม่มีทีวีดู รู้ไหมครับแค่ตะเกียงไว้ใช้เป็นแสงสว่างในการอ่านหนังสือตอนกลางคืนยังแทบไม่มี ตัวผมเองเริ่มทำงานโดยใช้แรงงานตั้งแต่อายุ 10 ขวบ นั่นคือชีวิตของผมในวัยเด็ก

หลังจากที่ผมออกจากบ้านป้าไปอาศัยกับคุณยาย พวกเราต้องทำงานทุกคนเพื่อหาเงินมาซื้อน้ำมัน ซื้ออาหาร รวมถึงหนังสือเรียน พวกเราต้องใช้แรงงานแลกเงินเนื่องจากเราไม่มีทางเลือกอื่นเลย

ตอนโรงเรียนเปิดเทอมเราแทบไม่มีทั้งปากกาและหนังสือเขียน บางครั้งก็ไม่มีทั้งรองเท้าหรือเสื้อผ้า ผมมาโรงเรียนในสภาพที่เสื้อผ้าขาดวิ่นทั่วตัวและรู้สึกแย่ทุกครั้งเมื่อเห็นเด็กคนอื่นๆใส่ชุดใหม่ดูดีกว่าผม

บางครั้งคุณทำงานไปก่อนกว่าพวกนายจ้างจะจ่ายค่าแรงให้ล่าช้าไปหลายเดือน บางครั้งผมก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะจ่ายค่าเทอมไม่ทัน ผมเคยหวังว่าซักวันจะมีใครซักคนที่เห็นความยากลำบากของครอบครัวผมและให้ความช่วยเหลือ…. ใครก็ได้……

ความฝันของ Ngannou ในการเป็น “นักมวยอาชีพ” ที่ไม่มีใครเข้าใจ

ในประเทศแคเมอรูน เด็กๆต่างไม่ถูกอนุญาติให้มีความฝันของตนเอง ผมเชื่อว่าผมสามารถมีเป้าหมายของชีวิตตนเองได้ถึงแม้ว่ามันจะยากลำบากแต่มันก็เป็นไปได้

แต่ไม่มีใครสนับสนุนผมเลย ผมเข้าใจว่าเรามันจน ชีวิตมันลำบาก แต่ผมยังเชื่อในความฝันของตนเอง ครอบครัวผมต่างบอกว่าเรามันต่ำต้อยไม่มีสิทธิ์เลือกตามความฝัน เราเป็นได้แค่ชาวนาเหมือนกับที่เราเป็นมาตลอด

ผมบอกกับยายผมว่าผมอยากเป็นนักมวยอาชีพ เขาถามกลับว่า มวยคืออะไร? มันจะเป็นไปได้อย่างไร? เคยดูสถานะกับสารรูปตัวเองบ้างไหม?

Francis Ngannou ได้กลับไปเยี่ยมเยียมแม่เขาเป็นครั้งสุดท้ายและอยู่ที่นั่นเป็นเวลาถึง 3 อาทิตย์ เนื่องจาก Ngannou เริ่มตระหนักแล้วว่าชีวิตคนเรามันช่างแสนสั้น ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในชีวิต เขาได้แต่นั่งจ้องหน้าแม่ของเขาแล้วคิดว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะมีโอกาสได้เห็นหน้าแม่เขา

การเดินทางไปตายเอาดาบหน้า

 

Francis Ngannou ในวัย 17 ปี ตัดสินใจออกเดินทางจากประเทศแคเมอรูนไปตามชายแดนเพื่อหลบหนีเข้าประเทศโมร็อคโค ใช้ชีวิตกินนอนตามพุ่มไม้เพื่อหลบสายตาตำรวจเป็นเวลา 1 ปี หาอาหารในกองขยะประทังชีวิตในช่วงเวลากลางคืน เคยบ่นพึมพำกับหนูที่จะมาแย่งอาหารกับเขา “เฮ้ย ไปไกลๆ นี่มันซุปมะเขือเทศของชั้นนะเว้ย ซุปเน่าๆนี่ของชั้น ไม่ใช่ของแก” 

ปี 2013 หรือประมาณ 7 ปีที่แล้ว เขาและเพื่อนที่หลบหนีด้วยกันมาโดนกระทรวงความมั่นคงประเทศสเปนจับขังคุกเป็นเวลา 2 เดือน จากการพยายามหนีเข้าประเทศผ่านทางเรือแบบผิดกฏหมาย ซึ่ง Ngannou เผยว่าเขาไม่ได้กลัวการติดคุกเลยเพราะจากการใช้ชีวิตแบบอดมื้อกินมื้อตั้งแต่เด็กทำให้เขามีภูมิต้านทานในการเอาตัวรอดสูง อีกทั้งเขายังไม่ละทิ้งความฝันว่าแสงสว่างแห่งชีวิตของเขายังคงรอเขาอยู่ หากเขายังคงมีไว้ซึ่งความฝันอันแน่วแน่…

ในที่สุดเขาก็สามารถหลบหนีเข้าจุดหมายปลายทางประเทศฝรั่งเศษได้สำเร็จ ถึงแม้ว่า Ngannou ในวัย 26 ปี จะไม่มีเงินติดตัวเลย แต่เขากลับรู้สึกมีความสุขที่รู้สึกว่าเป้าหมายเขามันใกล้เข้ามาทุกที

ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนจรจัด ต้องนอนตามที่จอดรถ ไม่มีเงิน ไม่มีอาหาร ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาวเหน็บแค่ไหน แต่ไฟแห่งโอกาสที่ลุกท่วมในใจผมมันมากกว่านั้น มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม

อิสระจากการได้อยู่ที่นี่นอนตามที่จอดรถ เมื่อเปรียเทียบกับสภาพความเป็นอยู่ที่โมร็อคโคแล้วละก็… ที่จอดรถนี่ไม่ต่างกับโรงแรมห้าดาวดีๆนี่เอง

จังหวะชีวิตและโอกาสที่ได้รับจากกัลยาณมิตร เฮดโค้ชคนปัจจุบันของ Francis Ngannou นาม Fernand Lopex

 

Ngannou ในขณะนั้นที่ประทังชีวิตจากความช่วยเหลือโดยองค์การไม่แสวงหาผลกำไรในการแจกจ่ายอาหารฟรีๆให้กับคนจรจัดในปารีส เขาได้เสนอตัวขอเข้ามาเป็นคนหั่นผักในครัว และได้มีโอกาสเล่าถึงความฝันที่อยากเป็นนักมวยอาชีพให้กับคนครัว La Chorba ซึ่งเขาเป็นเพื่อนกับเฮดโค้ช Fernand Lopex อยู่แล้ว จึงมีการแนะนำ Ngannou ให้รู้จักซึ่งกันและกัน

La Chorba บอกผมว่าผมจะต้องชอบเขาแน่นอน เพราะเขาตัวใหญ่มาก!! (Ngannou มีส่วนสูงถึง 193 cm. และหนักเกือบ 120 กิโลกรัม) วันถัดมาก็มีคนๆหนึ่งตัวใหญ่มากมายืนที่โต๊ะต้อนรับของยิมเรา ผมรู้ได้ทันทีว่านี่คือ Francis Ngannou – Fernand กล่าว

ตอนแรกผมไม่ได้ประทับใจ Ngannou เพราะยิมผมเต็มไปด้วยนักสู้ร่างยักษ์ที่หลั่งไหลเข้ามาทั่วทุกมุมโลก แต่เนื่องจากผมเป็นคนแอฟริกันและหลายๆคนที่มาจากทวีปเดียวกับผมต้องการความช่วยเหลือที่จะเข้าสู่วงการ MMA

แต่อย่างไรก็ดี ที่ผมเริ่มชอบเขาเนื่องจาก Ngannou มีไฟแรงกล้าลุกโชนว่าจะขอซ้อมทุกวัน

พอผมรู้ว่าเขาอยากเป็นนักมวยอาชีพ ผมก็ให้อุปกรณ์เสื้อผ้าต่างๆให้เขาไปใช้เก็บไว้ส่วนตัวที่บ้าน แต่เขากลับตอบว่าอยากให้ผมเก็บไว้ที่ยิมนี้แทนเพราะกลัวว่าอุปกรณ์อาจจะหายได้ จนทำให้ผมตระหนักได้ว่าเขาไม่มีที่หลับนอน และนั่นก็ทำให้ผมตัดสินใจช่วยเหลือเขาในที่สุด

จุดกำเนิดอนาคตแชมป์โลก UFC จากการหลอกล่อของเฮดโค้ช Fernando Lopex

 
francis the HW champion
 

ความบังเอิญที่เฮดโค้ช Fernando Lopex เห็นได้จาก Ngannou เกิดขึ้นในวันแรกที่เขาได้เทรนอย่างถูกต้องเหมาะสมกับพื่อนร่วมทีม โดยเขาได้ลงนวมกับอดีตแชมป์ Bellator อย่าง Christian M’Pumbu และมีช่องจากสถานีมาถ่ายทำรายการพอดี แถมยังมาถ่ายทอดตอนเฮดโค้ชกำลังยืนแนะนำเข้าครั้งแรกอีกด้วย

Ngannou ซึ่งยังไม่มีประสบการณ์มากนักอาศัยแต่พลังช้างสารตนเองเหวี่ยงหมัดแบบมั่วไปหมด มันไม่ค่อยน่าดูมากนัก แต่ในขณะเดียวกันเขาปรับแก้ข้อผิดพลาดตนเองได้ทันที ทุกๆยกที่ผ่านไปเขาพัฒนาขึ้นและไม่ทำผิดพลาดครั้งที่สอง เขาเรียนรู้จากข้อผิดพลาดได้ไวมาก และนั่นแหละคือสิ่งที่ผมเห็นได้จากเขา

อย่างไรก็ตาม Ngannou เพ่งเล็งไปที่เป้าหมายในการเป็นนักมวยอาชีพเท่านั้น แต่ Fernando กลับมองเห็นว่า Ngannou สามารถทำเงินได้มากกว่าในกีฬา MMA เขาจึงเริ่งทำการหลอกล่อ Ngannou ให้ฝึก jit-jitsu และมวยปล้ำ ซึ่งเป็น 2 ทักษะที่เขาทำได้ดีมาตั้งแต่เข้ามาฝึกซ้อมที่ยิม

เขาไม่ได้อินกับ MMA ในตอนแรก มันยากที่จะโน้มน้าวเขา เขาโฟกัสที่มวยสากลอย่างเดียว บางครั้งที่มีการฝึกซ้อม grappling เขาก็ไม่เข้าคลาสเพราะเขาไม่ได้โฟกัสกับ MMA

ท้ายสุดผมก็บอก (กึ่งบังคับ) ว่าตอนฝึกทักษะอื่นๆอย่างน้อย 2 ครั้ง ทุกๆครั้งที่เขาฝึกมวยสากล ไม่งั้นเราจบความเป็นเพื่อนกัน – Lopez หัวเราะอย่างสนุก

เขาถามผมว่า MMA คืออะไร? Mixed martial arts คืออะไร? UFC ไม่รู้จัก เขาไม่ต้องการฝึกไอ้พวกแบบนั้น เขาต้องการฝึกมวยสากล ตามแบบฉบับวิถี Mike Tyson 

3 เดือนต่อมา Ngannou ก็เดบิว MMA ในเดือนพฤศจิกายน 2013 กับชัยชนะครั้งแรกด้วยท่า  Armbar ในยกที่ 1 ใช้เวลาเพียง 1:44 นาที และเรื่องราวที่เหลือก็เป็นตำนานบทใหม่ที่พวกเราได้รับรู้นั่นเอง……

Ngannou ได้เข้าร่วมกับสมาคม UFC เดือนธันวาคม 2015 จนกระทั่งปัจจุบันเขาในวัย 34 ปี สามารถกระชากเข็มขัดแชมป์โลกสำเร็จด้วยการ KO Stipe Miocic ในยกที่ 2 เมื่อเดือนมีนาคม 2021 ที่ผ่านมา และยังเป็นแชมป์ชาวแอฟริกันคนแรกในรุ่น Heavyweight ของสมาคม UFC อีกด้วย

Francis Ngannou มีสถิติ MMA ในปัจจุบันคือชนะ 16 แพ้ 3 เป็นการชนะแบบ KO ถึง 12 ครั้ง

ปัจจุบันกับการกลับไปช่วยเหลือบ้านเกิดที่แคเมอรูน

 

Ngannou ได้ก่อตั้งมูลนิธิในประเทศแคเมอรูนขึ้นมา โดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการสร้างนักกีฬา UFC แต่อย่างใด แต่เป็นการช่วยให้เด็กๆมีความฝัน ความเชื่อ และเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่

ผมต้องการให้โอกาสกับเด็กๆเหมือนกับผมที่มีความฝันในวัยเยาว์ ครั้งล่าสุดที่ผมกลับประเทศ ผมได้นำอุปกรณ์กีฬาสำหรับมวยสากลและ MMA และผมก็เพิ่งซื้อพื้นที่มาเพื่อสร้างยิมอีกด้วย 

ผมยังคงจำได้ว่าเมื่อตอนผมยังเด็ก ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมไม่มีใครสร้างยิมฝึกซ้อมมวยสากลที่นี่เลย… วันนี้มันกลายเป็นเรื่องปกติที่เห็นเด็กในหมู่บ้านผมชักชวนกันไปซ้อมมวยที่ยิม และเด็กๆกล่าวว่าเพราะ Ngannou ทำให้มียิมเพื่อพวกเขา 

เด็กบางคนเริ่มฝันที่จะเป็นแชมป์ MMA หรือ ฉันจะชกมวยให้เก่งเหมือน Francis พวกเขาเห็นผมตอนเด็กว่าผมไม่มีอะไรเลย ไม่โอกาส แต่วันนี้เขาเห็นผมทำเรื่องที่ไม่เคยคาดฝันว่าเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นจริงได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยากจน แต่โอกาสในชีวิตยังมี 

มันไม่เคยง่าย มันยากลำบาก …..แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้….- Francis Ngannou กล่าวทิ้งท้าย


Share this post

More articles

จุดกำเนิดตำนาน MMA ในประเทศญี่ปุ่น… จากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

20 ปีที่ผ่านมาของวงการ MMA ในญี่ปุ่น หนึ่งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก ตั้งแต่ต้นจนวันนี้ นั่นคือตำนานนักมวยปล้ำญี่ปุ่นอย่าง Antonio Inoki แต่ก่อนจะกล่าวถึงอิโนกิ คงต้องย้อนไปถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่...

การ์ตูน Baki vs นักสู้ตัวตนจริง

Baki vs Real fighter เมื่อนักสู้ในการ์ตูนมีตัวตนอยู่จริง! เมื่อการ์ตูนชื่อดัง Baki the Grappler การ์ตูนแนวศิลปะการต่อสู้ของแต่ละแขนงมาสู้กัน...

feedback is god!

For better contents to you.