ในเวลาไม่ถึง 4 ปีกับการเป็นนักสู้ใน UFC – Conor McGregor ถือว่าเป็นนักสู้ที่เปิดเผยมากที่สุดคนหนึ่ง สิ่งที่เขาพูด การกระทำทุกครั้งที่สื่อออกมาในแนวกวนประสาท ล้อเลียน ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ด่าทอคู่ต่อสู้ทุกคน (ไปๆมาๆ ก็ด่าเกือบทั้งสมาคม และลามไปถึงด่านักมวยปล้ำ WWE ทุกคนอีกด้วย) สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดเป็นแม่เหล็กดึงดูดต่อนักวิจารณ์ แฟนๆ คนที่สงสัยในฝีมือเขา รวมถึงคนที่เกลียด Conor อีกหลายๆคน ในความยโสโอหังของเขา บอกว่า ปากดี ไม่ได้เก่งจริงไรจริงหรอก เจอของจริงเดี๋ยวจะหัวเราะเยาะ และรุมซ้ำให้หายไปจาก UFC เลย
ทุกอย่างดูเหมือนจะทำให้เหล่าบรรดาพวกที่เกลียด Conor แทบจะเงียบปิดปาก พูดอะไรไม่ออกอีก หลังคู่เอกศึก UFC 205 สิ้นสุดลง ด้วยชัยชนะของ Conor ที่จัดการ TKO แชมป์รุ่น Lightweight มากประสบการณ์อย่าง Eddie Alvarez ได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่ไม่มีใครคาดว่าจะเกิดขึ้น เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นแล้ว ตลอดอายุสมาคม UFC ที่มียาวนานถึง 23 ปี นั้น ก็ได้เกิดนักสู้คนแรกในประวัติศาสตร์ UFC ที่ได้ครองเข็มขัดถึง 2 รุ่น ในเวลาเดียวกัน นั่นคือ Conor ที่หิ้วเข็มขัดสองเส้นบนไหล่ซ้ายและขวา เข็มขัดแชมป์รุ่น lightweight และ featherweight เดิมที่เขากระชากมาจากอดีตนักสู้ไร้พ่ายใน UFC อย่าง Jose Aldo (คลิกที่ลิงค์ เพื่อย้อนกลับไปดูบทความ อดีตแชมป์ 7 คนที่เสียเข็มขัดในปี 2015)
“นักสู้พวกนี้อยู่คนละเลเวลกับผม” Conor (21-3) ให้สัมภาษณ์หลังศึก “คุณต้องมีลักษณะเฉพาะตัวในการต่อสู้ ถ้าพวกคุณมีไม่เท่ากับผม ผมจะจัดการตัดคอคุณออก Eddie เป็นนักรบ แต่เขาไม่ควรที่เข้ามาอยู่ในกรงแปดเหลี่ยมนี่กับผม”
ศึกประวัติศาสตร์ที่จัดขึ้นครั้งแรกในรัฐนิวยอร์ค การะประมาณการเบื้องต้นนี้คาดว่า UFC จะทำเงินได้ถึง 17.7 ล้านเหรียญ (619 ล้านบาท) สำหรับตั๋วเข้าชมใน Madison Square Garden โดย Dana White เปิดเผยในช่วง press conference ว่าตัวเลขนี่ทำลายสถิติเดิมที่ทำไว้ที่ 12 ล้านเหรียญ ศึก UFC 129 ที่ Toronto’s Rogers Centre ที่มีคู่เอกระหว่าง George St. Pierre vs Jake Shields เมื่อปี 2011
Dana White ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าศึกนี้คาดว่าจะทำลายสถิติ PPV ที่ทุกคนซื้อดูที่บ้านกันอีกด้วย
ประเด็นคำถามเกี่ยวกับการหาคู่ต่อสู้ให้กับ Conor นั้น อาจจะเกิดจากการที่ Conor เป็นคนตัดสินใจเลือกเองมาทั้งสิ้นในช่วงหลังๆ แต่เมื่อถึงวันที่มีการตัดสินในกรงแปดเหลี่ยม Conor เองก็สามารถสู้และประสบความสำเร็จแทบทุกครั้ง ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน ในขณะที่ทั้งโลกกำลังจดจ้องคู่นี้กันอย่างตื่นเต้น แต่ Conor เองกลับสู้แบบสบายๆ ยืนยักไหล่ไปมา หาโอกาสเหมาะ ทำตัว relax พร้อมกับปิดฉากด้วยคอมโบสุดแม่นยำ 4 ครั้ง ซ้ายขวาสลับใส่หน้า Alvarez ลงไปนอนกองหมดสภาพในยกที่ 2 นาทีที่ 3:04
สำหรับแฟนๆ เอง ก่อนไฟท์ Conor ก็เป็น favorite คือ เหล่าผีพนันต่างกันคาดว่า Conor จะชนะและให้เป็นต่อ แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ การที่เขาจัดการ Alvarez ได้อย่างง่ายดาย และ เด็ดขาด ถึงแม้ว่า Alvarez เองก็เคยแพ้ TKO มาก่อน แต่นั่นก็เป็นแค่ครั้งเดียวและผ่านมาแล้วตั้ง 9 ปี (แพ้ Nick Thompson ศึก Bodog Fight) และไฟท์นี้เป็นไฟท์แรกของ Alvarez ที่แพ้แบบย่อยยับขนาดนี้
Conor สู้อย่างใจเย็น และใช้ความได้เปรียบของช่วงโจมตีเพื่อรักษาระยะหมัดของ Alvarez ในขณะที่ Conor เองปล่อยหมัดได้อย่างแม่นยำ แค่ในยกแรก Conor น็อคดาวน์ Alvarez ไปถึง 3 ครั้ง และก็จบด้วยคอมโบ 4 หมัดในยก 2 โดยสถิติจาก fightmetric.com โชว์ Conor โจมตีไป 32 ครั้ง ส่วน Eddie แค่ 9 ครั้งเท่านั้น
“Conor เป็นคนพิเศษ เขาปล่อยหมัดซ้ายนั้นแบบดูเหมือนว่าไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรเลย แต่พอโดนเท่านั้นแหละ ร่วงทุกราย” Dana White กล่าว
ชัยชนะครั้งนี้คอนเฟริมความเทพของ Conor ขึ้นไปอีก และก็ทำให้เขาได้เปรียบในเรื่องการเลือกไฟท์ที่ทำเงินได้มากที่สุดด้วย ดูเหมือน Conor จะถือไพ่เหนือกว่า UFC ด้วยซ้ำไป เขาสามารถลงไปรุ่น 145 เพื่อไปเจอกับอดีตแชมป์ Jose Aldo หรืออยู่ที่รุ่น 155 เพื่อไปเจอ Tony Ferguson ที่เพิ่งจัดการ RDA มา หรือ นักแซมโบ้ขั้นเทพอย่าง Khabib Nurmagomedov ที่เพิ่งจะรุมทึ้ง Michael Johnson ในศึก UFC 205 เช่นกัน หรือ Conor อาจจะขอพักผ่อนไปก่อนแล้วค่อยเลือกตัวเลือก หรือ เขาอาจจะขึ้นไปเล่นรุ่น 170 ปอนด์ ไปเจอกับแชมป์ Tyron Woodley หรือ Nate Diaz ก็ยังได้
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า Conor จะขอพักในช่วงนี้ เพราะ post-fight conference เขาบอกว่าเขากำลังจะเป็นพ่อคน…
แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ Conor เริ่มขอในสิ่งที่นักสู้คนอื่นทำไม่ได้ ….
หลายๆคนมีหุ้นในบริษัทตัวเอง แล้วหุ้นของผมอยู่ไหน? ผมเองก็อยากเป็นผู้ถือหุ้น UFC (เหตุการณ์นี้เกิดจากก่อนหน้านี้ไม่นาน UFC ขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับ WME-IMG ที่มีเหล่าดาราฮอลีวูดได้รับสิทธิ์ซื้อหุ้น UFC) ผมเป็นคนหาเงินให้กับบริษัท และผมก็มีเข็มขัดสองเส้นแล้ว ผมต้องการเป็นเจ้าของด้วย ผมต้องการหุ้น ผมต้องการสิ่งที่ผมหามากับมือเช่นกัน
คงเป็นเหตุการณ์ประหลาดมากที่อารมณ์พนักงานบริษัทเรียกร้องเจ้าของบริษัทให้หุ้นกับพนักงาน แต่มันก็ยากที่จะปฏิเสธคำขอครั้งนี้ได้ เพราะ Conor ถือว่าเป็น “cash cow” หรือ ตัวทำเงินชั้นยอดของบริษัท โดยวัวตัวนี้ก็ข่มขู่ว่าถ้าไม่ได้ความเป็นเจ้าของ ฟาร์มนี้ก็อาจจะปิดตัวลง ซึ่งก็แปลว่า Conor พร้อมที่จะไม่กลับมาสู้จนกว่าจะได้หุ้นจาก UFC อำนาจของ Conor ในตอนนี้ไม่เคยมีนักสู้คนไหนเคย หรือ กล้าทำมาก่อน
นักวิจารณ์ และ haters คนเกลียด Conor เข้ากระดูกดำ ก็ยังคงอยู่ แต่พวกเขาคงจะเงียบกันไปค่อนข้างพอสมควร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าคู่ต่อสู้ของ Conor จะเป็นใคร แต่ตอนเขาชนะ เขาชนะแบบถล่มทลาย Conor ได้จัดการทั้งนักสู้สายมวยปล้ำ สายโจมตี สาย grappling เขาได้เข้าไปเล่นเกมที่ทั้งกดดันและอันตรายมาโดยตลอด และทุกๆ ครั้งนั้น เขาก็เป็นคนที่อยู่บนภูเขาเหนือคู่ต่อสู้ทุกๆคน
บทความโดย Mike Chiappetta
เรียบเรียงโดย Fist Fight Drama