ธุรกิจ Mixed Martial Arts ในสหรัฐฯ


MMA Business บทความนี้เป็นแนววิชาการ ซึ่งได้กล่าวถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจ MMA ในประเทศอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นทั้งศึกที่มีให้ดูมากขึ้น สินค้าและอุปกรณ์ ต่างๆ

ความเป็นมา

Mixed Martial Arts (MMA) เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่รวมเทคนิคการต่อสู้หลากหลายประเภทเข้าไว้ด้วยกัน ที่สำคัญคือ Brazilian Jiu-Jitsu (การต่อสู้ในแนวราบบนพื้นที่ดัดแปลงมาจากศิลปะมวยปล้ำของญี่ปุ่น) มวยไทย มวยปล้ำ มวยเตะ (Kickboxing) ยูโด และมวยสากล (Boxing)

การต่อสู้กระทำบนเวทีรูปแปดเหลี่ยมที่มีรั้วล้อมรอบจึงถูกเรียกอีกชื่อว่าการต่อสู้ในกรง “cage fighting” Mixed Martial Arts เริ่มต้นในสหรัฐฯเมื่อประมาณปลายปี 1980 และการต่อสู้แบบมืออาชีพเริ่มต้นในปี 1993 การต่อสู้ในระยะแรกๆไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆทั้งสิ้น ไม่มีการแบ่งรุ่น และสามารถใช้อวัยวะทุกชนิดในร่างกายกระทำการใดๆก็ได้ที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ทำให้กลายเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด รุนแรงและป่าเถื่อน ในสายตาของคนอเมริกันจึงถูกต่อต้านอย่างหนัก ภายในปี 2000 Mixed MartialArts กลายเป็นการต่อสู้ที่ต้องห้ามในเกือบจะทุกมลรัฐในสหรัฐฯ

ในปี 2001 นักธุรกิจในรัฐเนวาด้าได้ซื้อธุรกิจการต่อสู้ Mixed Martial Arts จากผู้ริเริ่มการต่อสู้แบบ MMA และต่อมาได้จัดตั้งบริษัท Ultimate Fighting Championship (UFC) เป็นโปรโมทเตอร์บริษัทแรกของกีฬานี้ UFC ทำการตลาดอย่างฉลาดจนกระทั่ง Mixed Martial Arts ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วสหรัฐฯ และชื่อบริษัทได้กลายเป็นที่มาของอีกชื่อหนึ่งของกีฬานี้ คือ “Ultimate Fighting”

สภาวะการณ์ปัจจุบัน

ปัจจุบัน Mixed Martial Arts ได้รับการรับรองว่าเป็นกีฬาที่ถูกกฎหมายใน 42 มลรัฐในสหรัฐฯ ในจำนวนนี้ 36 มลรัฐได้ออกกฎระเบียบของรัฐควบคุมการแข่งขันและการต่อสู้กีฬานี้ในรัฐของตน มลรัฐที่ MMA ได้รับการรับรองว่าเป็นกีฬาที่ถูกกฎหมายแต่ยังไม่มีกฎหมายท้องถิ่นควบคุม คือ Alabama, Alaska, Hawaii, Massachusetts, Montana และ Wyoming การแข่งขัน Mixed Martial Arts ไม่ว่าจะเป็นแบบสมัครเล่นหรืออาชีพถือว่าเป็นกีฬาที่ผิดกฎหมายในรัฐ New York และ Michigan

อย่างไรก็ดีได้มีการทำความพยายามอย่างหนักที่จะแก้ไขกฎหมายให้รัฐ New York ยอมรับกีฬานี้ รวมถึงการส่งร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาที่คาดว่าจะรู้ผลภายในเดือนมิถุนายน 2010 ทั้งนี้เพราะเชื่อกันว่าหากรัฐ New York รับรอง Mixed Martial Arts ว่าเป็นกีฬาที่ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากจะเป็นการสร้างรายได้จำนวนมากให้แก่รัฐ New York แล้วยังจะเป็นการสนับสนุนให้อุตสาหกรรมกีฬานี้ขยายตัวอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น (มลรัฐที่ไม่ยอมให้มีการเล่นกีฬา Mixed Martial Arts แบบสมัครเล่นคือ Colorado, Florida, New York, Texas, Utah, West Virginia ในขณะที่รัฐ Maryland, Massachusetts และ Minnesota ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ มลรัฐที่ยังไม่มีความชัดเจนในกฎหมายที่เกี่ยวกับ Mixed Martial Arts ทั้งในระดับสมัครเล่นและอาชีพคือ Connecticut, Rhode Island และVermont)

นักกีฬา Mixed Martial Arts เรียกว่า “fighter” ปัจจุบันมีการกำหนดรุ่นการต่อสู้แบบ Mixed Martial Arts โดยรุ่นของนักต่อสู้เพศชายจะแบ่งออกเป็น Heavyweight น้ำหนักระหว่าง 205 – 265 ปอนด์ Light Heavyweight น้ำหนักระหว่าง 185 – 205 ปอนด์ Middleweight น้ำหนักระหว่าง 170 – 185 ปอนด์ Welterweight น้ำหนักระหว่าง 156 – 170 ปอนด์ Lightweight น้ำหนักระหว่าง 146 – 155 ปอนด์ และ Featherweight น้ำหนักระหว่าง 136 – 145ปอนด์

การกำหนดรุ่นของนักต่อสู้เพศหญิงคือ Flyweight น้ำหนักไม่เกิน 95 ปอนด์ Bantamweight น้ำหนักระหว่าง 95.1 – 105 ปอนด์ Featherweight น้ำหนักระหว่าง 105.1 – 115 ปอนด์ Lightweight น้ำหนักระหว่าง 115.1 – 125 ปอนด์ Welterweight น้ำหนักระหว่าง 125.1 – 135 ปอนด์ Middleweight น้ำหนักระหว่าง 135.1 – 145 ปอนด์ Light Heavyweight น้ำหนักระหว่าง 145.1 – 155 ปอนด์ Cruiseweight น้ำหนักระหว่าง 155.1 – 165 ปอนด์ Heavyweight น้ำหนักระหว่าง 165.1 – 185 ปอนด์ และ Super Heavyweight น้ำหนักระหว่าง 185.1 ปอนด์ขึ้นไป

Mixed Martial Arts เป็นกีฬาที่มีอัตราการขยายตัวของความนิยมเร็วมากที่สุดในสหรัฐฯ จากมูลค่าประมาณ 2 ล้านเหรียญฯที่นักธุรกิจรัฐเนวาด้าซื้อธุรกิจการต่อสู้แบบ Mixed Martial Arts ไป  ในปี 2001 มีการประมาณการณ์ว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรม Mixed Martial Arts มีมูลค่าเกินกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญฯ ที่มาจากรายได้จากการขายบัตรเข้าชม การจ่ายเงินเพื่อดูรายการนี้ทางโทรทัศน์ การขายสินค้าและบริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง

ลักษณะตลาดการบริโภค

ช่องทางการตลาดที่สำคัญที่สุดของ Mixed Martial Arts คือการถ่ายทอดการต่อสู้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ทั้งที่เป็น cable และ network ที่สามารถดึงดูดผู้ชมได้นับล้านคนแม้ว่ารายการต่อสู้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากส่วนใหญ่จะถ่ายทอดออกทางสถานีที่ผู้ชมทางบ้านต้องจ่ายเงินเพื่อชมรายการหรือ pay-per-view มีรายงานว่าการต่อสู้แบบ Mixed Martial Arts ของ Ultimate Fighting Championship (UFC) ที่ถ่ายทอดออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แบบ pay per view ในปี 2006 สามารถทำรายได้ถึง 223 ล้านเหรียญฯ สูงกว่ารายได้จากการถ่ายทอดการชกมวยสากลหรือมวยปล้ำธรรมดา ในปี 2009 การต่อสู้แบบ Mixed Martial Arts เป็นรายการกีฬาที่ออกอากาศทาง pay-per-view ที่ได้รับความนิยมดูมากที่สุด

กลุ่มผู้บริโภคหลักในตลาดนี้ถือกันว่าเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญอย่างมากกลุ่มหนึ่งในตลาดสหรัฐฯคือ เป็นกลุ่มเพศชายอายุระหว่าง 18 – 34 ที่ส่วนใหญ่มีการศึกษาระดับอุดมศึกษา มีฐานะทางเศรษฐกิจระดับค่อนข้างมั่นคงและค่อนข้างสูง เป็นคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี่ระดับสูงสมัยใหม่และรถยนต์

แนวโน้มการขยายตัวของตลาดในอนาคต

ในระยะแรกเริ่ม Mixed Martial Arts เป็นที่นิยมเฉพาะในกลุ่มเพศชายที่ชอบการต่อสู้ปัจจุบันกีฬานี้ได้ขยายแพร่หลายก่อให้เกิดตลาดย่อยๆขึ้นอีกหลายตลาดคือ

1.   ตลาดการต่อสู้และการแข่งขันของนักกีฬาเพศหญิงที่เริ่มต้นประมาณปี 2000 และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากรูปร่างหน้าตาของนักสู้ผู้หญิงที่ส่วนใหญ่จะสวยงาม เป็นจุดขายที่ดึงดูดผู้ชมเพิ่มมากขึ้น โปรโมรเตอร์ที่ให้การสนับสนุนการต่อสู้ของนักต่อสู้เพศหญิงเช่น Bogodog, Elite XC และ Femme Fatal ในขณะที่ UFC ไม่มีนโยบายสนับสนุนนักต่อสู้เพศหญิง ปัจจุบันนักสู้ MixedMartial Arts ผู้หญิงมีการแข่งขันของตนเอง และเครือข่ายเว็บไซด์หลากหลาย เช่น www.MMAWoman.com, www.fightergirls.com เป็นต้น

2.   ตลาดธุรกิจให้บริการการออกกำลังกายแบบ Mixed Martial Arts ทั้งในธุรกิจที่เป็น แบบ fitness, health clubs และที่เปิดเป็น Mixed Martial Arts Training Camp ที่สอน Mixed Martial Arts เพื่อใช้เป็นการออกกำลังกายไม่ใช่เพื่อการต่อสู้แบบอาชีพ จากการสำรวจในปี 2008 พบว่า ประมาณร้อยละ 39.7 ของสถานบริการเหล่านี้จะสอน kickboxing/Thai boxing ร้อยละ 25.4 สอน martial arts ร้อยละ 20.6 สอน boxing และร้อยละ 17.8 สอน tai chi

3.   ตลาดศาสนาที่เป็นโบสถ์ศาสนาคริสเตียนที่เสนอบริการ Mixed Martial Arts ให้แก่สมาชิก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดวัยรุ่นและพวกผู้ชายเข้าวัด เพื่อลบทัศนคติที่คน
หนุ่มส่วนใหญ่เชื่อว่าศาสนาสอนให้อ่อนแอ จึงไม่ดึงดูดใจผู้ชายที่กำลังอยู่ในวัยที่นิยมการต่อสู้กับชีวิต การนำเอา Mixed Martial Arts เป็นจุดขายในการดึงคนเข้าสู่ศาสนากระทำบนหลักการว่า Mixed Martial Arts สอนคริสเตียนว่าต้องต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตนเองเชื่อถืออย่างไร สร้างภาพพจน์ของพระเยซูในฐานะนักต่อสู้ (fighter)

การนำเอา Mixed Martial Arts เข้าสู่การตลาดทางศาสนา มีตั้งแต่การเปิดฝึกสอน การส่งนักต่อสู้ขึ้นเวทีแข่งขัน ไปจนถึงบางวัดเป็นโปรโมรเตอร์จัดการต่อสู้ขึ้นมาเองหรือเข้าไปมีส่วนในการจัดการแข่งขัน มีประมาณการณ์ว่าโบสถ์ประมาณ 700 ใน 115,000 แห่งในสหรัฐฯที่เป็นโบสถ์ที่สมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนอเมริกันผิวขาวนำเอาการต่อสู้แบบนี้เข้าไปใช้ในการสอนศาสนา และ youth ministry ที่เป็นสาขาของ National Association of Evangelicals ยอมรับการต่อสู้แบบนี้ว่าเป็นกีฬาที่ถูกกฎหมายและโบสถ์ยอมรับ โบสถ์บางแห่งมียี่ห้อสำนักของตนเองเช่น “Jesus Didn’t Tap (=Jesus didn’t give up)” กลุ่มคริสเตียนที่เข้าสู่กีฬา Mixed Martial Arts อย่างเต็มตัวเช่น Anointed Fighter, LLC ที่เรียกตนเองว่าเป็น Anointed Fighter (AF) www.anointedfighter.com , Fighter Ministry RAS Graphic และ Martial Arts Ministries www.matialartsministries.com เป็นต้น

4. ตลาดเด็กวัยรุ่น ปัจจุบัน MMA เป็นกีฬาที่ได้รับการบรรจุในหลักสูตรวิชาพลศึกษาของโรงเรียนมัธยมปลายหลายแห่งในหลายมลรัฐของสหรัฐฯที่สอนทั้งนักเรียนชาย
และนักเรียนหญิงมาตั้งแต่ประมาณปี 2007

5. ตลาด software games ในปี 2010 Electronic Arts บริษัทผู้สร้าง Video game ได้จัดทำวิดิโอเกมส์ที่เป็นการต่อสู้แบบ Mixed Martial Arts สำหรับเครื่องเล่นเกมส์
Xbox และ PS3 ออกวางจำหน่ายและบริษัทฯได้เข้าเป็นสปอนเซอร์การต่อสู้ MMAให้แก่โปรโมรเตอร์บางราย

องค์กรทางธุรกิจที่สำคัญ

ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ทำธุรกิจในกีฬา Mixed Martial Arts เช่น Bogodog Fight, Elite XC, International Fight League (IFL), M1, ProElite, Spirit XC, Strikeforce, World Extreme Cagefighting และ X-treme Fighting Championship (XFO) เป็นต้น แต่บริษัทที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมคือ

1. Ultimate Fighting Championship (UFC) www.ufc.com เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลสูงสุด เป็นผู้นำและถือครองอุตสาหกรรม MMA ไว้มากที่สุดรวมถึงการเป็นเจ้าของ World Extreme Cagefighting ที่เน้นการต่อสู้ของนักต่อสู้รุ่นเบาและที่เป็น minor league และเป็นเจ้าของ Pride ซึ่งเป็นโปรโมรเตอร์รายใหญ่ที่สุดของญีปุ่น มีนักสู้ในสังกัดประมาณ 275 คนในปี 2007  UFC ครอง 90% ของตลาดการต่อสู้แบบ MMA

ธุรกิจของบริษัทฯรวมถึงการผลิตรายการ reality show ของตนเองและการจัดคู่ต่อสู้สดบนเวทีที่มีการถ่ายทอดออกทีวี รายได้ส่วนใหญ่มาจาก pay-per-view ที่มีประมาณการณ์ว่ามีผู้ชมเฉลี่ยประมาณ 3 ล้านคนต่อครั้ง รองลงมาเป็นการขายตั๋วดูชกสดและที่เหลือมาจากการขาย DVD และเสื้อผ้า เป็นต้น มีประมาณการณ์ยอดขายในปี 2008 ของ UFC ว่าเท่ากับประมาณ 250 ล้าน

2. StrikeForcewww.strikeforce.com เป็นโปรโมรเตอร์ที่กำลังขึ้นมาแข่งกับ UFC โดย StrikeForce พยายามเข้าสู่ niche market ที่ UFC เปิดช่องไว้ คือ ตลาดการถ่ายทอดการต่อสู้ผ่านทาง free tv ที่เป็นโทรทัศน์เครือข่ายในช่วงเวลา prime time โดยได้มีการตกลงกับสถานี CBS ที่จะนำรายการต่อสู้แบบ MMA ออกอากาศในช่วง
prime time เย็นวันเสาร์เป็นครั้งแรก และบริษัทฯยังให้ความสำคัญกับตลาดการต่อสู้ของนักต่อสู้เพศหญิงที่ UFC ไม่สนับสนุนอีกด้วย

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส
8 มิถุนายน 2553


Share this post

More articles

หนังกีฬามวยสากลที่ชาตินี้ คอมวยตัวจริงควรต้องเก็บให้ครบก่อนตาย

ชีวิตต้องสู้ของนักมวย คือเรื่องราวชั้นยอดที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังบ่อยครั้ง ส่วนเรื่องไหนดี เรื่องไหนต้องไปดู ก็มีมาแนะนำกัน ส่วนใครที่ชอบกีฬากำปั้น ก็สามารถติดตามข่าวสารวงการมวยทั่วโลกได้ที่ 12bet ประเทศไทย Rocky (1976)...

Perfect MMA

Perfect Fighter – จินตนาการนักสู้ MMA ที่ไร้เทียมทานที่สุดในโลก

คงเถียงไม่ได้ว่า นักสู้ MMA ในปัจจุบัน นั้นต่างจากนักสู้ MMA ในอดีตอย่างสิ้นเชิง (ในทางดี เพราะนักสู้ในปัจจุบันต่างฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงตามยิมต้นสังกัดที่ตัวเองฝึกซ้อมอยู่) ยิมเหล่านี้จะเสนอคลาสการฝึกเพื่อเสริมทั้งทักษะขึ้นอยู่แต่ละคลาส...

feedback is god!

For better contents to you.