Sport Science เรื่องราวของกีฬากับวิทยาศาสตร์ที่คุณจะต้องอึ้ง ทึ่ง เสียว!
เสนอตอน “The Hardest Kick – พลังแห่งการเตะที่รุนแรงที่สุด”
Sport science ตอนนี้ เผยถึงเรื่องราวของนักเบสบอลจาก MLB (Major League Baseball) ซึ่งนานๆ ทีคนดูจะได้เห็นนักเบสบอลหวดลูกเบสบอลจนไม้หัก หรือ แตกเป็นสองท่อน แต่มันต้องใช้แรงมหาศาลอย่างมากในการหวดแต่ละครั้งไม้ถึงจะหักได้ โดยทั่วไปไม้เบสบอลจะทำมาจากไม้แอชวูด (Ash wood)
คำถามต่อมาคือ จะมีกีฬาชนิดไหนที่สามารถส่งแรงเตะจนทำให้ไม้เบสบอลหัก 2 ท่อนได้หรือไม่?
บททดสอบ ทางรายกายคัดนักกีฬาชั้นยอดมา 3 คนจาก 3 กีฬาที่แตกต่างกัน
1) นักอเมริกันฟุตบอล NFL
2) นักฟุตบอล MLS (Major League Soccer) ตำแหน่ง Striker
3) นักมวยไทยอาชีพ Melchor Menor สัญชาติฟิลิปปินส์-อเมริกัน ซึ่งเป็นแชมป์มวยไทยหลายสมัยที่สมาคมในอเมริกา
Experiment ใน 3 คนนี้ จะมีใครเตะไม้เบสบอลหักได้บ้าง?
Part 1
Part 2
เนื่องจากก่อนทดสอบเตะกับไม้เบสบอลจริงซึ่งอันตรายมาก อาจทำให้กระดูกหน้าแข้งหักได้ถ้าส่งแรงไม่ถึง 335 กิโลกรัม และต้องเตะทีเดียวให้หักด้วย ไม่งั้นขาเดี้ยงแน่ๆ ทางทีมงานจึงวัดแรงเตะของนักอเมริกันฟุตบอลเตะลูกอเมริกันฟุตบอลก่อน ซึ่งได้แรงเพียง 200 กก. ส่วนนักบอลที่ยิงบอลก็ส่งแรงได้เพียง 250 กก. ทางทีมงานจึงไม่ได้จัดให้เขาทั้งคู่มาทดสอบ
เหลือเพียง Mel Menor เท่านั้นที่ผ่านไปได้ด้วยด้วยแรง force 358 กิโลกรัม เตะไม้แอชวูดหัก 2 ท่อนได้อย่างไม่ยากเย็น
อย่างไรก็ตาม Mel Menor ก็โดนบททดสอบที่โหดขึ้น ด้วยการเตะไม้เบสบอลที่ทำมาจากไม้ Maple ซึ่งแข็งกว่าไม้แอชวูด 4% ซึ่งต้องใช้แรงเตะถึง 363 กิโลกรัม ถึงจะหักมันได้ และ Menor ก็ทำสำเร็จด้วยแรงเตะถึง 454 กิโลกรัม! แต่ Menor ก็ยังมีเลือดซิบๆติดไม้เบสบอลนะ แต่เฮียบอกไม่เจ็บ ตราบใดที่ใจยังแข็งแกร่งอยู่
บทสรุป
- เฮียเขาเตะไม้สุดแข็งหักได้อย่างไร? นั่นเป็นเพราะว่านักกีฬามวยไทยซ้อมเตะของแข็งซ้ำไปซ้ำมานานหลายปีเพื่อที่จะให้กระดูกหน้าแข้งร้าว ต่อมากระดูกหน้าแข้งจะซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและมวลกระดูกที่หนาแน่นมากกว่าเดิม กระบวนการนี้เรียกว่า “Cortical Remodeling” นั่นเอง และนี่ก็คือบทสรุปของ The Hardest Kick พลังเตะที่รุนแรงที่สุด
“ดังนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เห็นบัวขาวกับวีดีโอซ้อมเตะก้านกลัวที่เห็นกันอย่างชินตา รวมไปถึงตอนดำดอทคอมฟาดแข้งใส่คู่ต่อสู้ลงไปกลิ้งอีกหลายคน จะบอกว่าเจ็บบรรลัยให้ตายสิ”