Testosterone คืออะไร?
Testosterone (I) : ฮอร์โมนแห่งความเป็นชาย
เราทุกคนที่เล่น เพาะกาย ต่างก็อยากให้กล้ามเนื้อที่เราบริหารใหญ่ขึ้นทั้ง นั้น แต่ทราบไหมว่าการออกกำลังกายและอาหารไม่สามารถทำให้กล้ามเนื้อโตได้โดยลำพัง ต้องอาศัยการทำงานของฮอร์โมนบางตัวที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติเพื่อ กระตุ้นให้มีการสร้างกล้ามเนื้อด้วย และฮอร์โมนที่มีบทบาทมากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ Testosterone เราจึงควรมาทำความรู้จักกับฮอร์โมนตัวที่สำคัญสำหรับนักเพาะกายตัวนี้กันดีกว่า
Testosterone เป็นฮอร์โมนเพศชายตัวหนึ่งที่ถูกผลิตขึ้นที่อัณฑะ ฮอร์โมนเพศชาย (androgens) คือฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายแสดงลักษณะเพศชาย แม้ว่าส่วนใหญ่ของฮอร์โมนเพศชายจะถูกผลิตขึ้นที่อัณฑะ แต่ก็มีประมาณร้อยละ 5 ที่ถูกผลิตขึ้นที่ต่อมหมวกไตด้วย ฮอร์โมนเพศชายที่ร่างกายสร้างขึ้นมีหลายตัวคือ Testosterone และ Androstenedione ซึ่งผลิตจากอัณฑะ และ DHEA ซึ่งผลิตจากต่อมหมวกไต นอกจากนี้อนุพันธุ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเหล่านี้ในร่างกายบาง ตัวก็ยังคงมีฤทธิ์เป็นฮอร์โมนเพศชายด้วย แต่ Testosterone เป็นตัวที่ร่างกายผลิตออกมามากที่สุดและมีฤทธิ์แรงที่สุด
ผู้ชายผู้ใหญ่จะผลิต Testosterone ออกมาประมาณ 4-9 มก./วัน การผลิตมีลักษณะไม่สม่ำเสมอมากบ้างน้อยบ้างเป็นลูกคลื่นต่อเนื่องกันไป โดยมีความกว้างของลูกคลื่นประมาณ 1-2 ชั่วโมง นอกจากนี้อัตราการผลิตยังไม่เท่ากันทั้งวัน โดยผลิตออกมาสูงสุดในตอนเช้าประมาณ 8 น. และต่ำสุดช่วงกลางคืนประมาณ 22 น. ดังนั้นการเจาะเลือดวัดระดับ Testosterone จึงควรคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ด้วย ระดับของฮอร์โมนนี้ในพลาสม่า (ส่วนของเลือดที่แยกเอาเม็ดเลือดออกไปแล้ว) มีค่าประมาณ 0.3-1.0 ไมโครกรัม/100 มิลลิลิตร ระดับนี้จะค่อยๆ ลดลงในผู้สูงอายุจนเมื่ออายุ 80 ปีก็จะเหลือประมาณครึ่งหนึ่งของวัยหนุ่ม
Testosterone ที่สร้างขึ้นส่วนใหญ่จะถูกหลั่งเข้าสู่กระแสเลือดไปออกฤทธิ์ตามที่ต่างๆ ส่วนน้อยจะหลั่งออกมาอยู่รอบๆ กลุ่มเซลล์ที่สร้างอสุจิในอัณฑะเพื่อช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างอสุจิ Testosterone มีวิธีการออกฤทธิ์ในร่างกายหลายอย่างที่สำคัญคือ
1.ตัวมันเองจับกับที่จับ (receptor) บนเซลล์แล้วออกฤทธิ์ต่อเซลล์นั้นโดยตรง
2.ตัวมันถูกเปลี่ยนเป็น dihydrotestosterone ก่อนแล้วจึงไปจับกับที่จับ (receptor) บนเซลล์แล้วออกฤทธิ์
3.ส่วนหนึ่งจำนวนเล็กน้อยประมาณร้อยละ 0.2 จะถูกเปลี่ยนเป็น estrogen ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงแล้วออกฤทธิ์ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นที่หลายแห่งในร่างกาย ที่สำคัญคือที่ตับ เนื้อเยื่อไขมัน เต้านมและผิวหนัง ยิ่งอายุมากขึ้นหรือยิ่งมีเนื้อเยื่อไขมันมากการเปลี่ยนมาเป็น estrogen นี้ก็จะยิ่งมาก
ฤทธิ์ของ Testosterone ในผู้ใหญ่มีหลายอย่างดังนี้
1. Anabolic Effects คือฤทธิ์ที่ทำให้ร่างกายเติบโตแข็งแรง ขึ้นโดยมีการสั่งสมไนโตรเจนและแร่ธาตุอื่นๆ เกิดการสร้างและสะสมโปรตีนมากขึ้นรวมทั้งทำลายโปรตีนน้อยลง ทำให้กล้ามเนื้อ เอ็น และกระดูกแข็งแรงขึ้น ความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงมากขึ้น ผู้ชายจึงมีร่างกายที่แข็งแรงและมีความเข้มข้นของเลือดมากกว่าผู้หญิง
2. Androgenic Effects คือฤทธิ์ที่ทำให้ร่างกายแสดงลักษณะเพศชายเช่น เสียงห้าว มีหนวดเครา ขนขึ้นตามตัว การทำงานของต่อมไขมันตามผิวหนังเพิ่มขึ้นทำให้ผิวหนังมันและสิวขึ้นง่าย ศีรษะล้านแบบผู้ชาย และกระตุ้นให้มีอารมณ์และพฤติกรรมต่างๆ แบบลูกผู้ชาย
3. Spermatogenic Effects คือฤทธิ์ในการสร้างอสุจิ การสร้างอสุจิต้องอาศัยความเข้มข้นของฮอร์โมนเพศชายในระดับสูงรอบๆ เซลล์ที่สร้างอสุจิในอัณฑะ ในภาวะปกติความเข้มข้นของฮอร์โมนเพศชายในระดับสูงนี้เกิดขึ้นได้เพราะเซลล์ ที่หลั่งฮอร์โมนเพศชายอยู่ติดๆ กับเซลล์ที่ผลิตอสุจิ จึงหลั่งฮอร์โมนออกมาอาบเซลล์ที่ผลิตอสุจิได้มากโดยตรง แต่ในผู้ที่ใช้สเตียรอยด์กินหรือฉีด แม้ระดับฮอร์โมนเพศชายในเลือดจะสูงมาก แต่ความเข้มข้นของฮอร์โมนเพศชายรอบๆ เซลล์ในอัณฑะจะกลับลดลงทำให้การผลิตอสุจิลดลง! ทั้งนี้เพราะเนื้อเยื่อในอัณฑะมีกำแพงขวางกั้นไม่ให้สารบางชนิดซึ่งรวมทั้ง สเตียรอยด์ซึมเข้ามาจากกระแสเลือดได้
4. Estrogenic Effects คือฤทธิ์ที่ทำให้แสดงลักษณะเพศหญิง ฤทธิ์นี้ไม่ใช่ฤทธิ์ของ Testosterone โดยตรง แต่เกิดจาก Testosterone ถูกเปลี่ยนเป็น estrogen ที่อวัยวะบางแห่งนอกอัณฑะดังกล่าวข้างต้นแล้ว จากนั้น estrogen ออกฤทธิ์ฮอร์โมนเพศหญิงอีกต่อหนึ่ง ทำให้เนื้อเยื่อเต้านมขยายตัวขึ้นและมีไขมันมาสะสมบริเวณเต้านมมากขึ้น ทำให้เส้นเลือดแดงฝอยที่ผิวหนังขยายตัว ลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด และช่วยป้องกันผนังเส้นเลือดแข็งตัวอุดตัน ในผู้ชายปกติระดับของ estrogen ต่ำจึงไม่มีลักษณะเพศหญิงปรากฏ แต่ในผู้ที่กินหรือฉีดสเตียรอยด์ สเตียรอยด์เหล่านั้นจะถูกเปลี่ยนเป็น estrogen ด้วย ยิ่งใช้ในขนาดสูงมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ระดับของ estrogen สูงขึ้นมากเท่านั้น จึงอาจแสดงลักษณะเพศหญิงเช่นเต้าสาว หัวนมสาว (gynecomastia) ให้เห็นได้
5. Feed-back Effects คือฤทธิ์ที่ Testosterone กลับไปออกฤทธิ์ยับยั้งต่อมใต้สมองไม่ให้หลั่ง LH มากระตุ้นอัณฑะให้สร้าง Testosterone มากเกินไป และออกฤทธิ์ยับยั้งไฮโปธาลมัส(สมองส่วนล่างที่อยู่ติดกับต่อมใต้สมอง)ไม่ให้ หลั่งฮอร์โมนมากระตุ้นต่อมใต้สมองมากเกินไป ผลรวมทั้งหมดในคนปกติเกิดเป็นวงจรระบบฮอร์โมนเพศชายที่สมบูรณ์ ทำให้การสร้างและหลั่ง Testosterone อยู่ในภาวะพอดีไม่มากไปไม่น้อยไปสำหรับผู้ชายธรรมดา แต่ในผู้ที่ใช้สเตียรอยด์ในขนาดสูง การกดไฮโปธาลมัสและต่อมใต้สมองจะมีมากและนาน ทำให้ไม่มีฮอร์โมนมากระตุ้นอัณฑะ อัณฑะจึงฝ่อเล็กลง การผลิตอสุจิลดลง และรูปร่างอสุจิผิดปกติไป การกดวงจรนี้จะคงอยู่นาน บางคนเมื่อหยุดสเตียรอยด์แล้วอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าวงจรระบบฮอร์โมน เพศชายนี้จะกลับมาทำงานได้ตามปกติ
6.ฤทธิ์อื่นๆ ของ Testosterone คือทำให้มีการคั่งของเกลือแร่และน้ำในร่างกาย และไขมันดีในเลือด (HDL-C) ลดลง ผู้ที่ใช้สเตียรอยด์ในขนาดสูงจะมีปัญหาทั้งสองนี้มากขึ้นตามขนาดยา คืออาจเกิดภาวะบวมน้ำ ความดันโลหิตขึ้นสูง และไขมันดีลดลงไขมันไม่ดีเพิ่มขึ้นได้
(หมายเหตุ. คำว่าสเตียรอยด์ในบทความนี้หมายความถึง Anabolic-Androgenic Steroids หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่ารอยด์ ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์หรือดัดแปลงมาจาก Testosterone เพื่อให้มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้มากขึ้นโดยที่มีผลข้าง เคียงต่างๆ ลดลง)
ขอบคุณข้อมูลจาก richwithus ที่ 05:59