บทส่งท้าย Goldberg: ตำนานแห่งท่า Spear และ Jackhammer อันดุดันแห่งวงการมวยปล้ำ


12 กรกฎาคม 2025 — สนามในแอตแลนตาแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเสียงเพลงเปิดตัวสไตล์ Roman ของ Goldberg ดังกระหึ่มขึ้น พร้อมกลุ่มควันขนาดใหญ่ที่วนโอบล้อมร่างมหึมาที่เดินออกมาช้าๆ ด้วยแววตาแน่นิ่งเหมือนเดิมทุกครั้งที่เราเคยเห็นเขาเมื่อ 25 ปีก่อน และนี่ไม่ใช่แค่แมตช์ธรรมดา แต่มันคือการอำลาของ Goldberg นักมวยปล้ำที่เคยอยู่จุดสูงสุดของวงการมวยปล้ำ

เขายืนต่อหน้า Gunther แชมป์โลกฝ่ายอธรรมคนปัจจุบันที่หนุ่มแน่นกว่า แข็งแกร่งกว่า และฟิตกว่า แต่ Goldberg ในวัย 58 ก็ยังเลือกจะสู้ด้วยสไตล์เดิม – นั่นคือ ไม่พูดเยอะ ไม่เล่นเกมฝีปาก แต่เลือกเน้นใช้พลังเข้าห้ำหั่นอย่างที่เคยเป็น แมตช์นี้มีความยาวกว่า 14 นาที ซึ่งถือว่ายาวนานมากสำหรับสิงโตเฒ่าในวัยใกล้ 60 กับสภาพร่างกายอันบอบช้ำจากการกรำศึกมาอย่างยาวนาน

สุดท้ายเขาแพ้ไปด้วยท่า sleeper hold…

….. ซึ่งแก่นแท้ของแมตช์นี้ไม่จำเป็นต้องชนะด้วยซ้ำ เพราะการมีอยู่ของเขาบนเวทีในค่ำคืนนี้ต่างหากที่เป็นชัยชนะที่แท้จริง

Bill Goldberg หรือที่แฟน ๆ ทั่วโลกรู้จักกันในนาม “Goldberg” ผู้พลิกโฉมวงการมวยปล้ำในยุคปลาย 90s จนถึงยุค 2020 ด้วยสไตล์การปล้ำที่แบบตรงไปตรงมา ไม่เน้นเทคนิค เน้นเพียงการโจมตีอันรุนแรง แต่ยังคงเปี่ยมด้วยความเคารพต่อกฎกติกามวยลปล้ำเยี่ยงฝ่ายธรรมมะ

ไม่ว่าจะเป็นในสนามอเมริกันฟุตบอล หรือสังเวียน WWE/ WCW/ All Japan Pro Wrestling ชีวิตของเขาคือเส้นทางที่เต็มไปด้วยบทพิสูจน์ ความสูญเสีย การกลับมา และการเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ แมตช์อำลาสังเวียนของเขาในปี 2025 คือการปิดฉากแบบสมศักดิ์ศรี

รากฐานชีวิต: เด็กชายยิวจากทัลซา

William Scott Goldberg เกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1966 ที่เมือง Tulsa รัฐ Oklahoma ประเทศสหรัฐอเมริกา พ่อของเขาเป็นสูตินรีแพทย์ และแม่เป็นนักชีววิทยาที่พัฒนา “กล้วยไม้สายพันธุ์ใหม่” นอกจากนี้เธอยังเป็นศิลปินมืออาชีพ ส่งผลให้ Goldberg เติบโตมาในบ้านที่ผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมยิวแบบ Reform Judaism

แม้ Goldberg จะเติบโตในบ้านที่สอนให้มีความเคารพในศาสนา แต่เขาก็ไม่เคยบังคับตัวเองให้ “เคร่ง” เกินไป จุดแข็งของเขาอยู่ที่การเรียนรู้ความเคารพในความหลากหลาย และนำสิ่งนี้มาใช้ในการปล้ำ: “ความเคารพต่อคู่ต่อสู้” และ “ไม่เหยียบย่ำคนอื่นเพื่อขึ้นไปข้างบน” คือหลักคิดสำคัญ

จากสนาม NFL สู่โลกมวยปล้ำ WCW

ก่อนเข้าสู่วงการมวยปล้ำ Goldberg มีชีวิตอยู่ในโลกอเมริกันฟุตบอลเต็มตัว เขาเป็นไลน์แมนของทีมมหาวิทยาลัยจอร์เจีย และได้รับเลือกเข้าสู่ NFL โดย San Diego Chargers ในปี 1990 ต่อมาได้ย้ายไปเล่นให้กับทีม Atlanta Falcons และ Los Angeles Rams แต่โชคร้ายที่อาการบาดเจ็บหัวเข่าเรื้อรังทำให้เขาต้องยุติอาชีพใน NFL

ในโรงยิมเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขาถูกแนะนำให้ลองฝึกมวยปล้ำโดย Sting และ Lex Luger สองนักมวยปล้ำรุ่นใหญ่อันโด่งดังที่เห็นรูปร่างกับแววตาที่ไม่ธรรมดาของเขา จนสุดท้ายเขาได้เข้าฝึกที่ WCW Power Plant และเดบิวต์ครั้งแรกในปี 1997

นับจากวันนั้น ชื่อของ Goldberg ไม่เคยหายไปจากความทรงจำของแฟนมวยปล้ำเลย

Goldberg vs Stone Cold? Goldberg คือร่างโคลนของสตีฟ ออสติน???

เสื้อดำ กางเกงดำ หัวโล้น หนวดแพะ ไม่พูดมาก ขึ้นเวทีก็เข้ามาแจก Spear และ Jackhammer กดนับสามแล้วกลับบ้าน—หลายคนพูดว่า “เหมือน Stone Cold เวอร์ชันไม่พูดพล่าม”

แต่ความจริงคือ WCW ต้องการสร้างตัวละครที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แบบไม่ต้องอธิบายเยอะ Vince Russo และ Eric Bischoff จึงออกแบบให้ Goldberg เป็นเครื่องจักรสังหารที่ไม่มีใครหยุดได้ จะพูดหรือไม่พูดไม่สำคัญ ขอแค่ชนะทุกแมตช์ก็พอ

จากบทสัมภาษณ์จาก Goldberg เอง เขายืนยันว่า persona ที่สร้างขึ้นมาเกิดจากความเป็นตัวตนเขาจริงๆ ไม่ได้โคลน Stone Cold แต่อย่างใด ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์จะมีความคล้ายกันมากจนเด็กๆสมัยก่อนต่างแยกไม่ออก แต่หากดู character ดีๆ ทั้งคู่ต่างกันพอสมควร เพราะ Goldberg จะเน้นความเป็นนักกีฬาร่างกายกำยำทรงพลังกับท่าไม้ตายที่ไม่มีใครรับมือได้ ในขณะที่ character ของ Stone Cold จะเป็นนักสู้ผู้เป็นกบฏสไตล์ anti-hero ต่อทุกสิ่งที่มาขวางทางเขา แม้กระทั่ง Big boss อย่าง Vince McMahon ก็หยุดเขาไม่ได้

การแจ้งเกิดที่ WCW กับชนะรวด 173 แมตช์ กับเจ้าของวลี “Who’s next!”

Goldberg เปิดตัวใน WCW ปี 1997 และกลายเป็นตำนานแทบจะในทันที เขาใช้เวลาไม่นานในการสร้างชื่อด้วยสถิติชนะรวด “173-0” แบบไม่มีใครหยุดได้ ลายเซ็นของเขาคือความเรียบง่ายแต่เด็ดขาด เข้าเวทีด้วยหน้าตานิ่งขรึม วิ่งซัด Spear คู่ต่อสู้เต็มแรงไส้แทบแตกลุกขึ้นไม่ไหว แล้วปิดฉากด้วยการจับใส่ท่า “Jackhammer” ฟาดลงกับพื้นเต็มแรงจับกดนับสาม

สิ่งที่ทำให้แฟน ๆ ตื่นเต้นไม่ใช่แค่สถิติ แต่เป็น “พลังดิบ” ที่เขาแผ่กระจาย—คล้ายๆ เครื่องจักรที่ไม่หยุดนิ่ง สไตล์ของ Goldberg ฉีกจากยุคที่ตัวละครมวยปล้ำเต็มไปด้วยความแฟนตาซีและดราม่า เขาคือ “ความจริง” ที่เข้าสู่วงการมวยปล้ำ

การเป็นแชมป์ WCW World Heavyweight Champion ในปี 1998 (ชนะ Hulk Hogan) คือตราประทับว่า Goldberg ไม่ใช่แค่ “ดาวรุ่ง” แต่คือผู้นำแห่งยุคทองของ WCW ที่ Rating พุ่งถึงขีดสุดจากเนื้อเรื่อง NWO ซึ่งกระชากคะแนนยอดนิยมทิ่งห่าง WWF ณ ขณะนั้นไปหลายขุม

สไตล์การปล้ำ: Minimalism อันทรงพลัง

Goldberg ไม่ใช่นักปล้ำที่มีเทคนิคหลากหลาย แต่ทุกสิ่งที่เขาทำ “ได้ผล” และ “สะใจ” เขาใช้ท่าเพียง 2–3 ท่าเท่านั้น แต่จังหวะ ความเร็ว และพลังทำลายของเขาสร้างผลกระทบมหาศาลบนเวที

  • Spear: กระโจนพุ่งชนที่ลำตัวคู่ต่อสู้ด้วยแรงมหาศาล

  • Jackhammer: ยกคู่ต่อสู้ขึ้นเหนือหัวแล้วฟาดลงพื้นแบบ vertical suplex powerslam

ความเรียบง่ายแต่ชัดเจนนี้สร้างรูปแบบเฉพาะตัวของ Goldberg ขึ้นมานั่นเอง

การสิ้นสุด WCW และจุดเริ่มต้นใหม่ที่ WWE

เมื่อ WCW ถูกซื้อกิจการโดย WWE (เดิมคือ WWF) ในปี 2001 หลายคนคาดว่า Goldberg จะเข้าสู่ WWE ทันที แต่เขาเลือกจะรอ และทำงานอิสระในวงการบันเทิงก่อน เช่น เล่นหนัง Universal Soldier: The Return และทำรายการทีวีของตัวเอง

ในปี 2003 เขาเปิดตัวใน WWE พร้อมกับ “Spear” ใส่ The Rock แบบไม่ตั้งตัว และภายในไม่กี่เดือน ก็สามารถคว้าแชมป์ World Heavyweight Championship ได้จาก Triple H 

แต่แมตช์ที่แฟนจำฝังใจ (ในทางไม่ค่อยดี) คือ WrestleMania XX ที่เขาสู้กับ Brock Lesnar ซึ่งทั้งคู่จะหมดสัญญา แต่ข่าวลือหนาหูแพร่กระจายและคนดูต่างได้รับข้อมูลตั้งแต่ก่อนปล้ำ ทำให้ไม่มีใครแคร์แมตช์นั้นเลย คนดูโห่ตั้งแต่ก่อนระฆังดังจนจบแมตช์ และเป็นหนึ่งในแมตช์ที่น่าอึดอัดที่สุดในประวัติศาสตร์

หลังจากนั้น Goldberg ก็หายไปจากวงการไประยะหนึ่ง

เบื้องหลังความแข็งแกร่ง คือความเปราะบางของคนที่ไม่มีพื้นฐานมวยปล้ำเลย

Goldberg เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ดังโดยไม่ผ่านระบบฝึกแบบดั้งเดิม เขาไม่มีพื้นฐานด้านการปล้ำ ไม่มีความรู้ด้านจังหวะบนเวที หรือเทคนิคการเซฟตัวเองและคู่ต่อสู้

มีอยู่แมตช์หนึ่งที่เขาถูก Steven Regal (หรือ William Regal) สั่งสอนกลางเวที ด้วยการลากแมตช์ให้ยาวขึ้นและใส่ท่า technical ต่างๆ มากมายเพื่อทำให้ Goldberg ต้องแก้ท่าต่างๆจริงๆ จนเริ่มหอบเหนื่อย เหมือนเป็นการบอกว่า “ถ้าอยากอยู่ในวงการนี้ ต้องรู้จักพื้นฐานการปล้ำด้วย” อย่างไรก็ตาม ตามบท Goldberg ก็ชนะในแมตช์นี้อยู่ดี

อุบัติเหตุและความรุนแรงที่ไม่ใช่แค่บทบาท แต่เกิดจริง

ความรุนแรงที่ Goldberg แสดงออกมา ไม่ได้เป็นแค่คาแรคเตอร์ แต่บางครั้งมันเกินเลยจนเกิดเหตุการณ์จริง เช่น:

  • ใส่ท่า Side kick เตะหัว Bret Hart จนสมองได้รับการกระทบกระเทือน Concussion และต้องเลิกปล้ำมวยปล้ำอย่างถาวรในที่สุด

  • ฟาดกระจกรถจริงจนแตกละเอียดในฉากเบื้องหลังจนเกิดแผลฉีกเลือดอาบที่มือและต้องเย็บหลายสิบเข็ม

  • โขกหัวกับประตูเหล็กก่อนแมตช์เพื่อปลุกพลัง จนตัวเองเกิด concussion และมึนในระหว่างปล้ำ

  • Spear ใส่ turnbuckle ผิดจังหวะหัวฟาดเข้าไปที่เหล็กเต็มๆจนตัวเองหมดสติไปชั่วขณะ

ทุกสิ่งสะท้อนความเป็น “ของจริง” ที่ Goldberg ยึดถือเสมอ — เขาเล่นไม่เป็น เขาเล่นจริง เจ็บจริง

ช่วงพักเวที และเส้นทางในวงการบันเทิง

หลังออกจาก WWE ในปี 2004 Goldberg เริ่มขยายอิทธิพลของเขาสู่วงการบันเทิง:

  • แสดงในภาพยนตร์ เช่น The Longest Yard, Santa’s Slay และ Ready to Rumble

  • รับเชิญในซีรีส์ เช่น NCIS: Los Angeles, The Goldbergs

  • พากย์เสียงในวิดีโอเกม เช่น WWE 2K17–2K23

เขายังเคยเป็นพิธีกรรายการเรียลลิตี้ และเจ้าของกิจการโรงยิมและ MMA

การกลับคืนสู่สังเวียน WWE ยุคใหม่กับเข็มขัด Universal Championship

ปี 2016 Goldberg กลับสู่ WWE อีกครั้งหลังห่างหายไปกว่า 12 ปี สิ่งที่น่าประหลาดใจคือเขายัง “มีของ” เหมือนเดิม

เขาชนะ Brock Lesnar ภายในเวลาไม่ถึง 90 วินาทีใน Survivor Series 2016 และคว้าแชมป์ Universal Championship ถึงสองครั้งในปี 2017 และ 2020 กลายเป็นคนแรกที่ได้ทั้งแชมป์ World Heavyweight (ยุคเก่า) และ Universal (ยุคใหม่)

แมตช์กับ Kevin Owens, The Fiend, Bobby Lashley และ Roman Reigns ยืนยันว่าแม้อายุจะเข้าใกล้ 55 ปี เขายังสามารถปล้ำในระดับแชมป์โลกได้

WWE Hall of Fame และบทบาทในช่วงสุดท้ายของอาชีพนักมวยปล้ำ

ในปี 2018 Goldberg ถูกบรรจุเข้าสู่ WWE Hall of Fame โดย Paul Heyman เป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ประกาศเกียรติคุณ

ตลอดช่วงปี 2018–2024 เขาถูกเชิญกลับมาในแมตช์พิเศษหลายครั้ง เช่น แมตช์กับ The Undertaker ที่ Super ShowDown (แม้จะมีเสียงวิจารณ์ยับกับ botch หรือความผิดพลาดต่างๆนานา จน Undertaker เกือบคอหักจากท่า Jackhammer), ศึก Royal Rumble, และแมตช์โชว์ลูกชายของเขาในเวที WWE

แมตช์สุดท้ายกับการอำลาอย่างสมศักดิ์ศรี

วันที่ 12 กรกฎาคม 2025 Goldberg ประกาศแมตช์สุดท้ายในบ้านเกิดที่ Atlanta โดยเผชิญหน้ากับ Gunther (แชมป์โลกคนปัจจุบัน)

แม้ผลจะจบด้วยความพ่ายแพ้ด้วยท่าไม้ตาย Sleeper Hold แต่ภาพที่เขาก้มลงจูบผืนผ้าใบ แล้วหันไปรับเสียงเชียร์จากผู้ชมกว่า 70,000 คน คือสิ่งที่พูดแทนคำได้ทั้งหมด

น่าเสียดายที่การอำลาออกอากาศถูก NBC ตัดสคริปต์กลางคัน ทำให้แฟนบางส่วนไม่พอใจ แต่ Goldberg ก็กล่าวภายหลังว่า “ไม่เป็นไร ผมพูดมันกับแฟนในสนามไปแล้ว และนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด”


Share this post

More articles

Jake Paul : กับเส้นทางสู่ Mega Star ที่มวลมหาชาชนทั่วโลกพร้อมใจจ่ายเงินรอกระทืบซ้ำในวันที่พ่ายแพ้

พวกเราแฟนๆศิลปะการต่อสู้อาจจะต้องกัดฟันแล้วยอมรับไปโดยปริยายว่า Jake Paul ยูทูบเบอร์และ influencer ชื่อดังจากอเมริกานั้นแน่จริงๆ ถึงแม้ว่าในใจลึกๆก็ยอมรับกันไม่ได้ที่ “ไอ้เด็กเกรียนนี่มันกล้ามาท้านักสู้ตัวจริงเสียงจริง และดันทะลึ่งชกชนะอีก” เราในฐานะคนดูก็จะหาข้ออ้างต่างๆนานาไม่ว่าจะเป็น...

feedback is god!

For better contents to you.