admin

เมื่อพูดถึงคำว่ามวยไทย คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงศิลปะในการป้องกันตัวรวมไปถึงการแข่งขันต่อยมวยในสนาม ที่จะมีแต่คนรุ่นใหญ่ให้ความสนใจและรับชม ซึ่งความคุ้นเคยที่เห็นมาตั้งแต่เด็กจดจำได้เป็นอย่างดีจากการถ่ายทอดสดจากสนามแข่งขันที่สวนลุมพินี จะมีการแข่งขันอัศวินดำและการแข่งขันมวยเด็ด 7 สี สามารถรับชมนักกีฬาที่มีความสามารถในการต่อยมวยได้จากช่องทางแห่งนี้ หากคนรุ่นใหม่ได้ทำการรับชมก็จะไม่คุ้นเคยและไม่มีอารมณ์ร่วมในการรับชมอย่างแน่นอน เนื่องจากความไม่เข้าใจว่ามวยไทยนั้นมีความสนุกอย่างไร ดังนั้นผู้ชมต้องค่อยๆดู ค่อยๆติดตามกีฬานี้อย่างสม่ำเสมอ หานักชกที่เป็น Idol เราเพื่อติดตามเส้นทางของนักมวยไทยคนนั้นๆ ซึ่งท้ายสุดความสนุกมันจะเริ่มขยายออกไป จากเดิมรู้จักแค่ Idol ที่เราติดตาม แต่ซักพักเราจะเริ่มไปดูนักมวยไทยคนอื่นที่อาจจะจัดการนักมวยที่เราชื่นชอบก็เป็นได้ หรือแม้กระทั่งเริ่มหันไปดูรุ่นอื่นๆไม่ว่าจะหนักหรือเบากว่ารุ่นที่เราดูปัจจุบัน และท้ายสุดเมื่อความมันส์บังเกิด เราก็จะเริ่มไปหาชมมวยต่างสมาคมที่หลากหลายมากกว่า หรืออาจจะมีนักมวยไทยที่เก่งกว่าสมาคมที่เราติดตามอยู่ในปัจจุบันก็เป็นได้     มวยไทยมีที่มาและหลักการเป็นอย่างไร  สำหรับการต่อยมวยหรือการชกมวยไทย หลักการสำคัญที่ทำให้เกิดศาสตร์นี้ขึ้นมาก็คือ เป็นศิลปะป้องกันตัวที่มีความแข็งแรง เข้มแข็ง ใช้งานได้จริง สามารถปกป้องผู้ที่ใช้งานได้ทุกส่วน ซึ่งการต่อยมวยนี้มีการเปรียบเทียบตัวเองให้เหมือนกับป้อมปราการ ที่สามารถปกป้องอันตรายจากรอบด้านได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการจู่โจมคู่ต่อสู้ สามารถทำให้ภัยอันตรายที่เข้ามาสามารถสยบได้เพียงกระบวนการไม่กี่ท่า โดนตรงจุด ไม่เสียกำลังเปล่า ซึ่งการต่อยมวยนี้ ได้มีการผลักดันให้เข้าสู่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่มวยไทย แต่ก็มีการต่อยมวยสากล ทำให้ประเทศไทยนั้นมีข้อได้เปรียบในเรื่องของการแข่งขันในครั้งนี้อีกด้วย วิธีการที่คนทั่วไปจะต่อยมวยได้ จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ในเรื่องของการตั้งกาดและการเก็บคาง รวมไปถึงการย่ำเท้า การยกมือขึ้นมา การกำหมัด การยกไหล่หลอกล่อ ที่จำเป็นต้องใช้สายตาลูกเล่นในการยกลำตัวไปมา รวมไปถึงสัมผัสทางกายภาพอื่น ๆ จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับการต่อยมวย